LOFT-2W-09_SOUTH AFRICA 8 DAYS
นำคณะออกเดินทางเข้าสู่ “ซันซิตี้” Sun City หรือ The Lost City เมืองลับแลแห่งหุบเขาแสงตะวัน เป็นเมืองที่ถูกเนรมิตขึ้นจากความคิดของอภิมหาเศรษฐีที่ชื่อว่าซอล เคิร์ซเนอร์ ที่ลงทุนด้วยเงินจำนวนมหาศาลถึง 28,000 ล้านบาท ใช้เวลาก่อสร้างนาน 18 ปี และความพยายามอีกล้นเหลือในการเนรมิต ผืนดินอันว่างเปล่าและแห้งแล้งในแคว้น Bophuthatswana กลางอัฟริกาใต้ให้กลายเป็นเมืองแห่งความสำราญบันเทิงทุกรูปแบบ
วันแรก ออกเดินทางจากกรุงเทพฯ – ดูไบ – สนามบินกรุงโจฮันเนสเบิร์ก (อัฟริกาใต้) อาทิตย์
13.30 น. พร้อมคณะที่สนามบินสุวรรณภูมิ ชั้น 4 เคาน์เตอร์ T สายการบินเอมิเรสท์ แอร์ไลน์ เจ้าหน้าที่คอยอำนวยความสะดวกในเรื่องสัมภาระและการเช็คอิน จากนั้นเชิญรอ ณ ห้องพักผู้โดยสารขาออก
16.00 น. ออกเดินทางสู่เมืองโจเบิร์ก โดยสายการบินเอมิเรสท์ เที่ยวบินที่ EK377 / EK767 แวะเปลี่ยนเครื่องที่สนามบินดูไบ (16.00 – 19.55 ) ( 23.25 – 05.35+1 )
วันที่สอง โจฮันเนสเบิร์ก – เมืองหลวงพริทอเรีย – พักซาฟารี ลอดจ์ – Evening Game Drive จันทร์
05.35 น. ถึงสนามบินโจฮันเนสเบิร์ก ผ่านการตรวจคนเข้าเมือง (นักท่องเที่ยวชาวไทยได้รับการยกเว้นการขอวีซ่า สามารถพำนักในอัฟริกาใต้ได้ 30 วัน)
08.00 น. นำคณะออกเดินทางสู่เมืองพริทอเรีย เมืองแห่งดอกไม้สีม่วง (Pretoria) เมืองหลวงด้านการบริหารของแอฟริกาใต้เมืองนี้ ตั้งตามชื่อของแอนดีส์ พรีทอรีอัส (Andries Pretorius) วีรบุรุษของการต่อสู้รบระหว่างพวกบัวร์ (Boer) กับชนพื้นเมืองผิวดำ พริทอเรีย จึงเป็นเมืองหลวงของชาวบัวร์ที่พยายามต่อสู้กับพวกอังกฤษเพื่อให้ได้อิสรภาพ นอกจากนี้ยังเป็นที่ตั้งของสถานทูตนานาชาติ ธนาคาร ทำเนียบประธานาธิบดีและที่ทำการรัฐบาล วุฒิสภาจะจัดประชุมขึ้นที่เมืองพริทอเรีย สิ่งหนึ่งที่โดดเด่นและอาจถือได้ว่าเป็นเอกลักษณ์ของเมืองคือ ต้นแจ๊กการันดา (Jacaranda) ที่มีดอกสีม่วงสดบานสะพรั่งดั่งเช่น ซากุระของชาวญี่ปุ่น เมืองนี้ได้สมญานามว่า “City of Jacarandas” ซึ่งจะออกดอกบานสะพรั่งให้ได้เห็นกันในช่วงเดือนตุลาคมของทุกปี นำคณะเที่ยวชม Union Building ทำเนียบประธานาธิบดี และที่ทำการของรัฐบาลที่ใหญ่โตมโหฬารราวกับพระราชวัง จนติดอันดับว่าเป็นทำเนียบประธานาธิบดีที่สวยที่สุดในโลก เข้าชมพิพิธภัณฑ์วูร์เทรคเกอร์ (Voortrekker Monument & Museum) ศูนย์รวมจิตใจของชนผิวขาวเชื้อสายดั้งเดิมของชาวบัวร์ อนุสาวรีย์แห่งนี้สร้างขึ้นเพื่อระลึกถึงการเดินทางอพยพของพวกบัวร์จากปลายแหลมของทวีป เข้าสู่ใจกลางประเทศแอฟริกาใต้และร่วมฉลองครบรอบ 100 ปีของการสู้รบกับชาวพื้นเมือง
12.00 น. รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร Thai
13.30 น. หลังอาหาร นำคณะออกเดินทางสู่เขตวนอุทยานสัตว์ป่าขุนเขาพีลันเนสเบิร์ก และป่าซาฟารีของเอกชนเปิดให้ท่านได้ท่องป่าซาฟารี นำท่านเข้าพักในซาฟารีลอดจ์ ที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกสบายครบครัน ท่ามกลางบรรยากาศที่ไม่เหมือนใคร จากนั้นนำท่านออกท่องป่าซาฟารีในช่วงเย็น สัตว์ป่าบางชนิดของอัฟริกาออกหากินในยามเย็นไม่ว่าจะเป็น BIG FIVE ไปจนถึงเพื่อนๆ ที่น่ารักอย่างยีราฟ ม้าลาย ฮิปโปโปเตมัส และนกนานาชนิด ท่ามกลางบรรยากาศยามอัสดง
รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารใน Lodge Local
นำท่านเข้าสู่ที่พัก BAKUBUNG BUSH LODGE หรือ KWA MARITANE BUSH LODGE www.bakubung.co.za
วันที่สาม ท่องป่าซาฟารี Morning Game Drive – อาณาจักรซันซิตี้ – พักโรงแรมเดอะพาเลซ อังคาร
https://www.facebook.com/lofttravelcom/videos/10159501719230158/
06.00 น. ท่องป่าซาฟารีดูสัตว์ที่วนอุทยานสัตว์ป่าขุนเขาพีลาเนสเบิร์ก Pilanesburg Nature Reserve วนอุทยานสัตว์ป่าขุนเขาพีลาเนสเบิร์ก รถที่จะพาไปชมสัตว์เป็นรถแบบเปิดโล่งด้านข้างเปิดโล่งรับลม จุคนได้ 20 คน รถแต่ละคันจะมีนายพราน หรือ Ranger ซึ่งเป็นทั้งคนขับรถและไกด์คอยแนะนำวิธีการชมสัตว์ให้ทราบ ป่าพิลาเนสเบิร์กแห่งนี้มีพื้นที่ประมาณ 500 ตารางกิโลเมตร พื้นที่เกิดจากภูเขาไฟระเบิดเมื่อหลายร้อยปีก่อน ทำให้ผืนดินมีแร่ธาตุอุดมสมบรูณ์ มีความเขียวชอุ่มเป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์นานับชนิด และแน่นอนหมายรวมถึง ผู้ยิ่งใหญ่ทั้งห้า (Big Five) คือ ควายป่า ช้าง สิงโต แรด และเสือดาว ซึ่งถ้าได้เห็นครบก็ถือได้ว่าเป็นการชมสัตว์ที่สมบูรณ์ แต่ค่อนข้างเป็นไปได้ยาก เพราะสัตว์ที่นี่อยู่กันอย่างอิสระ ในป่าซึ่งเป็นป่าโปร่ง ป่าละเมาะและทุ่งหญ้าสะวันนา จนถึงกึ่งทะเลทราย อัฟริกาใต้มีสัตว์ป่ากว่า 220 ชนิด ซึ่งสัตว์ป่าที่มีชีวิตอยู่อย่างอิสระตามธรรมชาติ
08.00 น. รับประทานอาหารเช้าที่ห้องอาหารของลอด์จ Buffet
11.00 น. หลังอาหาร นำคณะออกเดินทางเข้าสู่ “ซันซิตี้” Sun City หรือ The Lost City เมืองลับแลแห่งหุบเขาแสงตะวัน เป็นเมืองที่ถูกเนรมิตขึ้นจากความคิดของอภิมหาเศรษฐีที่ชื่อว่าซอล เคิร์ซเนอร์ ที่ลงทุนด้วยเงินจำนวนมหาศาลถึง 28,000 ล้านบาท ใช้เวลาก่อสร้างนาน 18 ปี และความพยายามอีกล้นเหลือในการเนรมิต ผืนดินอันว่างเปล่าและแห้งแล้งในแคว้น Bophuthatswana กลางอัฟริกาใต้ให้กลายเป็นเมืองแห่งความสำราญบันเทิงทุกรูปแบบ
https://www.facebook.com/lofttravelcom/videos/10159505998230158/
โดยการเริ่มสร้างโรงแรมไปเรื่อยๆ ตั้งแต่โรงแรมเดอะซันซิตี้, โรงแรมเดอะคาบานาส, โรงแรมเดอะคาสเคด จนในปีค.ศ. 1992 เขาก็ได้สร้างโรงแรมที่ที่หรูราคาแพงที่สุดในบรรดาโรงแรมทั้งหลายที่ได้กล่าวมานามว่า เดอะพาเลซ (The Palace or The Palace of the Lost City) ด้วยสถาปัตยกรรมแบบโคโลเนียนผสมแอฟริกัน และตกแต่งภายในสไตล์แอฟริกัน ให้สมกับเป็นอาณาจักรอลังการดาวล้านดวงแห่งนี้
12.00 น. รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารภายในอาณาจักรซันซิตี้ Local
บ่าย อิสระให้ท่านเพลิดเพลินกับสิ่งอำนวยความสะดวก มีสระว่ายน้ำขนาดใหญ่ และทะเลน้ำจืดเทียมขนาดใหญ่ยักษ์ที่เรียกว่า Valley of Wave มีลักษณะเหมือนทะเลจริงๆ แวดล้อมด้วยขุนเขาและต้นไม้ที่จัดตกแต่งอย่างเป็นระเบียบสวยงาม ใกล้ๆ กันคือ สะพานแห่งกาลเวลา Bridge of time สองข้างสะพานมีช้างแกะสลักเรียงรายอยู่ สะพานนี้เชื่อมต่อกับกองหินมหึมา ที่เชื่อว่าเป็น The Lost City ที่สูญหายไป และเพื่อเป็นการตอกย้ำระลึกถึงความทรงจำเขาเลยสร้างสะพานแห่งนี้ขึ้น ทุกๆหนึ่งชั่วโมงสะพานจะถูกเขย่าเสมือนแผ่นดินไหว
https://www.facebook.com/lofttravelcom/videos/10159505443240158/
นอกเหนือจากนี้ยังมีสนามกอล์ฟระดับมาตรฐานโลก ที่ใช้เป็นสถานที่แข่งขันกอล์ฟนัดสำคัญๆ มาหลายต่อหลายครั้งแล้ว ออกแบบโดยนักกอล์ฟชื่อดังของโลก Gary Player คือ Gary Player Golf Course และ Sun City Golf Course โรงภาพยนตร์ ร้านค้า บาร์ คาสิโนที่เปิดตลอด 24 ชั่วโมง ทำให้เมืองนี้ไม่เคยหลับใหล สวนสัตว์ สวนพฤกษศาสตร์ที่รวบรวมพันธุ์ไม้จากทั่วโลกเอาไว้ พร้อมน้ำตก และธารน้ำไหลรินเอื่อยๆ ที่สร้างความสดชื่อสบายอย่างบอกๆไม่ถูก บางสถานที่และกิจกรรมบางประเภทถูกสงวนไว้สำหรับแขกที่มาพัก The Palace เท่านั้น
19.00 น. รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารภายในอาณาจักรซันซิตี้ Chinese
นำท่านเข้าสู่ที่พัก THE PALACE OF THE LOST CITY www.suninternational.com
วันที่สี่ ซันซิตี้ – โจฮันเนสเบิร์ก – อิสระช้อปปิ้ง – สวนเสือ – ชิมเนื้อสัตว์ป่าที่ภัตตาคารคาร์นิวอร์ พุธ
07.00 น. รับประทานอาหารเช้าที่โรงแรม Buffet
10.00 น. ได้เวลาอันสมควร นำคณะออกเดินทางกลับสู่นครโจฮันเนสเบิร์ก
12.00 น. รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร Chinese
13.30 น. จากนั้น นำท่านเที่ยวชมย่านธุรกิจค้าเพชร ที่อัฟริกาใต้มีเหมืองเพชรขนาดใหญ่เป็นอันดับ 4 ของโลกอีกทั้งยังมีชื่อเสียงในเรื่องของอัญมณีล้ำค่า
https://www.facebook.com/lofttravelcom/videos/10159541499890158/
16.00 น. นำคณะออกเดินทางเข้าสู่สวนเสือ The Lion Park พาท่านนั่งรถชมชีวิตสัตว์ป่าอย่างใกล้ชิด โดยแบ่งเป็นโซนต่างๆ เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้ศึกษาพฤติกรรมของสัตว์โลกผู้น่ารักอย่างใกล้ชิด อาทิ โซนเจ้าป่า ซึ่งจะรวม White Lion, Cheetah, Wild Dog และยังมีโซนสัตว์ตระกูลมีเขาอย่าง Springbuck, Gemsbok, Blesbok, ยีราฟ และ ม้าลาย อิสระให้ท่านได้เก็บภาพประทับใจก่อนเดินทางกลับ
19.00 น. รับประทานอาหารค่ำสไตล์อัฟริกัน ณ ภัตตาคารคาร์นิวอร์ BBQ หอมกรุ่น ที่มีเนื้อหลากหลายชนิดให้ท่านได้ทดลองชิมท่ามกลางบรรยากาศอันโรแมนติก Local
นำท่านเข้าสู่ที่พัก MONDIOR HOTEL หรือเทียบเท่าในระดับเดียวกัน www.mondior.com/emperorspalace
วันที่ห้า โจฮันเนสเบิร์ก – เคปทาวน์ – ฟาร์มนกกระจอกเทศ – เทเบิ้ล เมาเท่น – ไวน์เทสติ้ง – V&A วอเตอร์ฟร้อนท์ พฤหัสบดี
06.00 น. รับประทานอาหารเช้าที่โรงแรม Buffet
08.30 น. ออกเดินทางสู่เมืองเคปทาวน์ โดยสายการบินภายในประเทศ
12.05 น. ถึงเคปทาวน์ ตั้งอยู่ในแหลมทางใต้สุดของประเทศ เป็นเมืองท่องเที่ยวต่างอากาศ และยังมีแหลมต่างๆ ที่เป็นที่รู้จักกันดีคือแหลมกู๊ดโฮป และแหลมอากุลฮาส ซึ่งตั้งอยู่ปลายใต้สุดของทวีปแอฟริกา เป็นจุดที่มหาสมุทรแอตแลนติคและมหาสมุทรอินเดียมาบรรจบกันจึงทำให้มีอากาศแปรปรวน และบริเวณเมืองริมฝั่งทะเลของเคปทาวน์นี้ เป็นเส้นทางที่น่าเที่ยวที่สุดและมีวิวทิวทัศน์ที่งดงามน่าตื่นตาตื่นใจเป็นอย่างยิ่ง
https://www.facebook.com/lofttravelcom/videos/10159475509880158/
นำท่านสู่ West Coast Ostrich Farm ฟาร์มเลี้ยงนกกระจอกเทศขนาดใหญ่ เพื่อที่ท่านจะได้สัมผัสกับวงจรชีวิตของนกกระจอกเทศอย่างใกล้ชิด รับชมและรับฟังเรื่องราวของการเลี้ยงนกกระจอกเทศ อันเป็นสัตว์เศรษฐกิจที่ทำรายได้ดี ตลอดจนวงจรชีวิตของสัตว์ปีกที่มีขนาดใหญ่และวิ่งเร็วที่สุดในโลก
13.30 น. รับประทานอาหารกลางวัน เมนูสเต็กเนื้อนกกระจอกเทศ ณ ภัตตาคาร Local
14.30 น. จากนั้นนำคณะขึ้นสู่เทเบิ้ล เมาเท่น ภูเขาสูงยอดตัดตรง เหมือนกับโต๊ะ โดยกระเช้าไฟฟ้าหมุนรอบตัวเอง (Cable Car) ซึ่งในช่วงที่ลมแรงหรือมีฝนตกจะหยุดวิ่งทั้งนี้เพื่อความปลอดภัยของผู้มาเยือน ขึ้นมาด้านบน มีเส้นทางเดินลัดเลาะไปตามแนวขอบเขา เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้ชมวิวรอบด้านได้อย่างชัดเจน ไกลไปจนถึงตัวเมืองเคปทาวน์ทีเดียว
บนภูเขาโต๊ะนี้มีสัตว์ตัวเล็กประเภทหนึ่งหน้าตาน่าเอ็นดู ชื่อว่าตัวแดสซี่ หรือ กระต่ายหิน (Dassie or Rock Rabbit) มีลักษณะกึ่งผสมระหว่างกระรอกกับกระต่าย เป็นมิตรกับผู้คนที่ผ่านมาเยือน เมื่อมองไปรอบๆ เราจะเห็นภูเขารายล้อมหลายต่อหลายลูก แต่ที่โดดเด่นคือ ไลอ้อนเฮด (Lion Head) ภูเขาที่มองดูแล้วใครๆ ก็ต้องพูดว่าคล้ายหัวสิงโตในเวลาที่พระอาทิตย์กำลังจะลับขอบฟ้าภูเขาลูกนี้มีสีแดงสวยงามยิ่งนัก
หมายเหตุ กระเช้า Cable Car จะปิดทำการในช่วงที่ลมแรงหรือมีฝนตกจะหยุดวิ่ง ทั้งนี้เพื่อความปลอดภัยของผู้มาเยือน โดยทางกลุ่มฯ จะจัดให้ขึ้นชมวิวทิวทัศน์ของเมืองเคปทาวน์บนยอดเขา Signal Hill แทน
จากนั้นนำท่านแวะชมไร่องุ่นและแหล่งผลิตไวน์กันที่ กรูทคอนสแตนเทีย ไวน์เอสเตทแห่งแรกที่สร้างด้วยสถาปัตยกรรมแบบเคปดัชต์ ซึ่งยังคงรักษาอาคารบ้านเรือนสมัยเก่าไว้ได้ในสภาพที่ดีเยี่ยมและสวยงาม มีไร่องุ่นมากมายและเป็นไร่องุ่นที่ดี มีโรงงานผลิตไวน์แดง และมีบริการให้ชิมไวน์กันด้วย จนได้เวลาอันสมควรนำคณะ เดินทางสู่ย่าน Victoria & Alfred Waterfront วิคตอเรีย แอนด์ อัลเฟรด วอเตอร์ฟร้อนท์ เอ็นเตอร์เทนเมนท์คอมเพล็กซ์ขนาดใหญ่ให้คุณได้สัมผัสความมีชีวิตชีวาของเคปทาวน์ มีร้านค้า ร้านอาหาร โรงภาพยนตร์ และเป็นท่าเทียบเรือขนาดเล็กอีกด้วย
19.00 น. รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารจีน เลิศรสกับเมนูพิเศษกุ้งมังกร+เป๋าฮื้อ Chinese
นำท่านเข้าสู่ที่พัก THE COMMODORE HOTEL หรือเทียบเท่าในระดับเดียวกัน www.thecommodore.co.za
วันที่หก เกาะแมวน้ำ – เคปพอยท์ – แหลมกู๊ดโฮป – นกเพนกวิน ศุกร์
07.30 น. รับประทานอาหารเช้าที่โรงแรม Buffet
08.30 น. รถปรับอากาศนำคณะเที่ยวชมความงดงามที่ซ่อนเร้นของเมืองเคปทาวน์ เมืองเก่าแก่ที่มีอายุกว่า 300 ปี ได้ชื่อว่าเป็นเมืองที่สวยที่สุดในโลกแห่งหนึ่ง ตั้งอยู่ปลายสุดทางฝั่งตะวันตกของทวีปอัฟริกาใต้ เป็นเมืองหลวงด้านนิติบัญญัติของอัฟริกาใต้ มีอดีตเก่าแก่และทันสมัยที่สุด แถมด้วยรางวัลการเป็นเมืองที่ได้ชื่อว่าใจกว้างที่สุดของอัฟริกาใต้อีกด้วย เพราะที่เมืองนี้คนต่างสีผิวสามารถเดินเคียงบ่าเคียงกันได้ทุกสถานที่ คณะลงเรือที่ท่าฮูทเบย์ (Hout Bay) เพื่อไปชมแมวน้ำที่ เกาะดุยเกอร์ (Duiker Island) เหล่าแมวน้ำตัวอ้วนอุยนอนเบียดเสียดอาบแดดกันเต็มเกาะตามธรรมชาติ
https://www.facebook.com/lofttravelcom/videos/10159484183900158/
แล้วแวะเยี่ยมเหล่าบรรดานกเพนกวินอัฟริกันที่เมืองไซมอน (Simon’s Town) ณ เมืองแห่งนี้บ้านเรือนจะตั้งลดหลั่นกันอยู่ตามเนินเขา หันหน้าออกทะเล ซึ่งเจ้าของส่วนมากเป็นคนมีฐานะทั้งนั้น เมื่อมาถึงบริเวณชายหาดโบลเดอร์ เจ้าบ้านตัวน้อยนกเพนกวินอัฟริกัน ตัวผู้มีสีสันมากกว่าตัวเมีย โดยเฉพาะบริเวณขอบตาจะมีสีชมพู คล้ายแต้มสีอายแชโดว์ไว้อย่างนั้น ส่วนตัวเมียจะไม่มี ลำตัวมีสีดำขาวตัดกัน แต่ตัวเมียมีสีน้ำตาล และมีขนาดใหญ่กว่า นกเพนกวินที่นี่ใช้ชิวิตอย่างอิสระสบายอารมณ์ตามธรรมชาติ แล้ว เดินทางสู่แหลมแห่งความหวัง หรือ แหลมกู๊ดโฮป
13.00 น. รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร เสริฟ์ด้วยเมนูกุ้งมังกร (Crayfish) Local
14.00 น. นำท่านเที่ยวชมแหลมแห่งความหวัง หรือ แหลมกู๊ดโฮป (Cape of Good Hope) อยู่ในเขตสงวน Cape of Good Hope Nature Reserve ปลายสุดแหลมมีประภาคารขนาดใหญ่ จะเห็นรอยตะเข็บที่มหาสมุทรอินเดียและมหาสมุทรแอตแลนติกมาบรรจบกันได้ชัดเจน บนผิวน้ำซึ่งเป็นเหตุให้บริเวณนี้ ท้องทะเลมักมีหมอกลงจัดอากาศแปรปรวน ทั้งนี้เพราะกระแสน้ำอุ่นและกระแสน้ำเย็นมาปะทะกัน ทำให้ยากต่อการเดินทางโดยทางเรือทั้งในสมัยโบราณและปัจจุบัน ทัศนะวิสัยไม่ดีนักทำให้เรือชนหินโสโครกหรือชนกันเองเสมอๆ จนก่อให้เกิดเรื่องราวของภาพหลอน มิติอันลี้ลับและเรื่องเล่าขานเกี่ยวกับฟลายอิ้งดัตช์แมน Flying Dutchman ซึ่งเป็นชื่อเรือที่นักเดินทางเรือชาวดัตช์ ที่พยายามจะเดินทางอ้อมผ่านแหลมกู๊ดโฮป ให้ได้แต่ก็ทำไม่สำเร็จ ทำให้เรือสูญหายไปในทะเลท่ามกลางหมกหนาทึบจนทุกวันนี้ และจุดชมวิวที่สวยที่สุดคือ Cape Point เคปพอยท์ จนได้เวลาอันสมควร นำคณะออกเดินทางกลับสู่เมืองเคปทาวน์
19.00 น. รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร Thai
นำท่านเข้าสู่ที่พัก THE COMMODORE HOTEL หรือเทียบเท่าในระดับเดียวกัน www.thecommodore.co.za
วันที่เจ็ด เคปทาวน์ – สแตลเลนบอช – ไวน์เทสติ้ง – คณะเดินทางกลับกรุงเทพฯ เสาร์
07.00 น. รับประทานอาหารเช้าที่โรงแรม Buffet
08.00 น. เดินทางตามเส้นทาง Wine Route แหล่งรวมไร่องุ่นและแหล่งผลิตไวน์ขึ้นชื่อที่ สแตลเลนบอช Stellenbosch หรือ City of Oak เป็นเมืองที่ขึ้นชื่อในเรื่องการทำไวน์เก่าแก่เป็นอันดับสองของแอฟริกาใต้ และที่นี่ยังมีมหาวิทยาลัยที่เปิดสอนการทำไวน์โดยเฉพาะ (Wine Maker) นำท่านชม พิพิธภัณฑ์หมู่บ้าน (Stellenbosch Village Museum) ซึ่งภายในบ้านจำลองสภาพความเป็นอยู่ของคนสมัยก่อนถึง 4 ยุค อันได้แก่ กระท่อมชเรียดอร์เฮยสโบราณ (1690-1720), บ้านเบลตเตอร์มันเฮยส (1750-1790), บ้านกรอเวอร์เนอร์สไตล์จอร์เจีย (1800-1830) และ บ้านเมอเรย์สไตล์วิคตอเรียยุคกลาง (1840-1870) อิสระให้ท่านได้เดินเล่นภายในเมือง ซึ่งยังคงรักษาอาคารบ้านเรือนสมัยเก่าไว้ได้ในสภาพที่ดีเยี่ยมและสวยงาม จากนั้นนำท่านเดินทางเข้าสู่ Neethlingshof Wine Estate แหล่งผลิตไวน์ขึ้นชื่อที่อยู่ใจกลางสแตนแลนบอชซ่อนตัวอยู่บนเนินเขา Bottelary และภูเขา Papegaaisberg
13.00 น. รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร Local
บ่าย นำคณะชมโรงงานผลิตไวน์แดงคุณภาพ ซึ่งที่นี่มีบริการให้ชิมไวน์กันด้วย สำหรับท่านที่ชื่นชอบก็สามารถซื้อติดมือกลับบ้านได้ในราคาย่อมเยา จนได้เวลาอันสมควรนำคณะเดินทางกลับสู่เมืองเคปทาวน์
16.30 น. จนได้เวลาอันสมควรนำคณะเดินทางกลับสู่สนามบินเมืองเคปทาวน์
20.05 น. เดินทางกลับสู่กรุงเทพฯ สายการบินเอมิเรสท์ แอร์ไลน์ เที่ยวบินที่ EK779 / EK372 (แวะเปลี่ยนเครื่องที่สนามบินดูไบ) ( 20.00 – 07.35+1 ) ( 09.30 – 18.40 )
วันที่แปด ดูไบ – กรุงเทพฯ อาทิตย์
19.15 น. คณะเดินทางกลับถึงกรุงเทพฯโดยสวัสดิภาพ
Period
- 21-28 มกราคม 2561
- 17-24 กุมภาพันธ์ 2561
- 25 กุมภาพันธ์-4 มีนาคม 2561
- 18-25 มีนาคม 2561
Tour Fare
- Adults 85,900.-
- Child 4-11 With Bed 78,000.-
- Child 4-6 No Bed 69,000.-
- SGL Supp 15,000.-
- No TKT ADL / CHD -28,000.- -21,000.-
Period
- 6-13 เมษายน 2561
- 13-20 เมษายน 2561
- 29 เมษายน-6 พฤษภาคม 2561
Tour Fare
- Adults 89,900.-
- Child 4-11 With Bed 81,000.-
- Child 4-6 No Bed 72,000.-
- SGL Supp 13,000.-
- No TKT ADL / CHD -32,000.- -24,000.-
Period
- 6-13 พฤษภาคม 2561
- 27 พฤษภาคม-3 มิถุนายน 2561
Tour Fare
- Adults 87,900.-
- Child 4-11 With Bed 80,000.-
- Child 4-6 No Bed 71,000.-
- SGL Supp 13,000.-
- No TKT ADL / CHD -30,000.- -22,500.-
Period
- 3-10 มิถุนายน 2561
- 17-24 มิถุนายน 2561
- 1-8 กรกฎาคม 2561
- 22-29 กรกฎาคม 2561
Tour Fare
- Adults 85,900.-
- Child 4-11 With Bed 78,000.-
- Child 4-6 No Bed 69,000.-
- SGL Supp 13,000.-
- No TKT ADL / CHD -28,000.- -21,000.-
ค่าทัวร์รวม :
- ค่าตั๋วเครื่องบินไป-กลับ รวมค่าภาษี และส่วนเพิ่มของน้ำมันเชื้อเพลิงไว้ ณ วันที่ 23 พฤศจิกายน 2560
- ค่าตั๋วเครื่องบินภายในประเทศ เส้นทางโจเบิร์ก-เคปทาวน์
- ค่ารถโค้ชมาตรฐาน ท่องเที่ยวตามโปรแกรมที่ระบุ 15-19 ท่าน ใช้รถปรับอากาศขนาด 28 ที่นั่ง 20-24 ท่าน ใช้รถปรับอากาศขนาด 38 ที่นั่ง 25 ท่านขึ้นไป ใช้รถปรับอากาศขนาด 44 ที่นั่ง
- ค่าเข้าชมสถานที่ท่องเที่ยวตามที่ระบุไว้ในโปรแกรม
- ค่าภาษีมูลค่าเพิ่ม 7%
- โรงแรมที่พักตามระบุในรายการ หรือเทียบเท่าในระดับเดียวกัน พักห้องละ 2 ท่าน (ในสาธารณรัฐอัฟริกาใต้ ไม่มีห้องพักแบบ 3 เตียงให้บริการ)
- ค่ายกกระเป๋าในโรงแรม เฉพาะกระเป๋าใบใหญ่ท่านละ 1 ใบ น้ำหนักไม่เกิน 30 กิโลกรัม ส่วนกระเป๋าใบเล็กอยู่ในความดูแลของท่านเองน้ำหนักไม่เกิน 7 กิโลกรัม
- ค่าอาหารตามที่ระบุในรายการ คัดสรรเมนูและให้ท่านได้เลิศรสกับอาหารท้องถิ่นในแต่ละประเทศ
- ค่าบริการนำทัวร์โดยหัวหน้าทัวร์ผู้มีประสบการณ์นำเที่ยว และคอยดูแลอำนวยความสะดวกตลอดการเดินทาง 1 ท่าน
- ค่าประกันอุบัติเหตุในระหว่างการเดินทางวงเงินท่านละ 1,000,000 บาท ของบริษัทเมืองไทยประกันภัย
- หากมีความประสงค์จะเพิ่มความคุ้มครองในกรณีประกันสุขภาพระหว่างการเดินทาง หรือต้องการคุ้มครองสัมภาระในการเดินทางสูญหายตลอดจนความล่าช้าของสัมภาระและเที่ยวบิน กรุณาสอบถามและโปรดศึกษาจากรายละเอียดของกรมธรรม์ตามเอกสารแนบท้ายใบจองทัวร์
ค่าทัวร์ไม่รวม :
- ค่าทิปคนขับรถ / Ranger (ท่านละประมาณ 260 แรนด์)
- ค่าทิปไกด์ท้องถิ่น / และหัวหน้าทัวร์
- ค่าภาษีหัก ณ ที่จ่าย 3%
- ค่าทำหนังสือเดินทาง (พาสปอร์ต)
- ค่าใช้จ่ายส่วนตัวอาทิ ค่าโทรศัพท์, ค่าซักรีด, ค่าเครื่องดื่มในห้องพัก และค่าอาหารที่สั่งมาในห้องพักค่าอาหารและเครื่องดื่มที่สั่งพิเศษในร้านอาหารนอกเหนือจากที่ทางบริษัทฯ จัดให้ ยกเว้นจะตกลงกันเป็นกรณีพิเศษ เช่น หากท่านทานได้เฉพาะอาหารทะเลเพียงอย่างเดียว ท่านต้องมีค่าใช้จ่ายเพิ่ม
การจองทัวร์ (How to make your reservation)
- หากท่านสนใจและประสงค์จะเดินทาง เพื่อเป็นการยืนยันการเดินทางของท่าน กรุณาจองทัวร์และชำระเงินมัดจำล่วงหน้า 30,000 บาทต่อผู้เดินทางหนึ่งท่าน ภายใน 3 วันนับจากวันที่จอง ซึ่งเงินมัดจำดังกล่าวจะเป็นการยืนยันการจองของท่าน และกรุณาชำระค่าทัวร์ส่วนที่เหลือล่วงหน้า 30 วันก่อนการเดินทาง หากท่านไม่ชำระเงินส่วนที่เหลือตามวันที่กำหนด ทางบริษัทฯถือว่าท่านยกเลิกการเดินทางโดยไม่มีเงื่อนไข