LOFT-CL501_GRAND GREAT GEORGIA 12 DAYS 9 NIGHTS BY TURKISH AIRLINES (TK)
นำท่านเดินทางสู่ อุโมงค์เก็บไวน์ของโรงไวน์คาเรบา (Wine Tunnel of Khareba Winery) ตั้งอยู่ในเมืองคูวาเรลี (Kvareli) ที่แปลว่า ‘ไวน์’ ของแคว้นคาเคติ เป็นอุโมงค์สกัดเข้าไปในภูเขาขนาดมหึมา จำนวน 15 อุโมงค์ มีอุโมงค์ 2 แห่งลึก 800 เมตรวิ่งขนานกัน และเชื่อมอุโมงค์ที่เหลือทั้งหมดที่ลึก 500 เมตร เพื่อให้เป็นที่เก็บไวน์ในอุณหภูมิเหมาะสม โดยตลอดแนวอุโมงค์เป็นที่เก็บไวน์ของคาเรบาหลายพันขวด สำหรับโรงไวน์คาเรบาเปิดดำเนินการเมื่อปี 2004 มีพื้นที่สวนองุ่นราว 6,000 ไร่ทั่วจอร์เจีย ปลูกองุ่น 16 สายพันธุ์ และผลิตไวน์ชนิดต่างๆ ถึง 13 ชนิด และสามารถผลิตไวน์ได้ถึง 3 ล้านขวดต่อปี เมื่อมาถึงที่แล้วห้ามพลาดชิมไวน์คูวาเรลี (Kvureli Wines) ไวน์ท้องถิ่นที่มีชื่อเสียงที่สุดในภูมิภาค
วันพุธที่ 29 เม.ย. 63 (1) กรุงเทพฯ (สนามบินสุวรรณภูมิ) – สู่กรุงอิสตันบูล
20.00 น. คณะนัดพบพร้อมกันที่ สนามบินสุวรรณภูมิ ชั้น 4 ประตูหมายเลข 9 เคาน์เตอร์ T สายการบินเตอร์กิช แอร์ไลน์ (TK) โดยมีเจ้าหน้าที่ของบริษัทฯ และหัวหน้าทัวร์คอยให้การต้อนรับและอำนวยความสะดวกในเรื่องกระเป๋าสัมภาระและการเช็คอินแก่ทุกท่านก่อนการเดินทาง
23.00 น. เหิรฟ้าสู่ กรุงอิสตันบูล โดยสายการบินเตอร์กิช แอร์ไลน์ เที่ยวบินที่ TK069 ใช้เวลาเดินทางประมาณ 10 ชั่วโมง 20 นาที
วันพฤหัสบดีที่ 30 เม.ย. 63 (2) กรุงอิสตันบูล – บาทูมี – Batumi Argo Cable car – ชมย่านเมืองเก่า – จัตุรัสเปียซซ่า – ถ่ายรูปกับรูปปั้นอาลีและนีโน่ – ล่องเรือทะเลดำชมเมืองบาทูมิ
05.20 น. คณะเดินทางถึง สนามบินอตาเติร์ก กรุงอิสตันบูล ประเทศตุรกี (เวลาท้องถิ่นช้ากว่าไทย 4 ชั่วโมง) เพื่อแวะเปลี่ยนเที่ยวบิน เวลารอเปลี่ยนเที่ยวบิน 1 ชั่วโมง 5 นาที
06.25 น. เหิรฟ้าต่อสู่ เมืองบาทูมี ประเทศจอร์เจีย โดยสายการบินเตอร์กิช แอร์ไลน์ เที่ยวบินที่ TK390 ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง 55 นาที
09.20 น. คณะเดินทางถึง สนามบินนานาชาติบาทูมิ (Batumi International Airport) ประเทศจอร์เจีย (เวลาท้องถิ่นช้ากว่าไทย 3 ชั่วโมง) หลังผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากรเรียบร้อย พร้อมรับกระเป๋าสัมภาระเรียบร้อยแล้ว
10.30 น. รถโค้ชรอรับนำท่านเดินทางสู่ เมืองบาทูมิ (Batumi) ใช้เวลาเดินทางประมาณ 20 นาที เมืองสุดศิวิไลที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของจอร์เจีย ตั้งอยู่ในเขตสาธารณรัฐปกครองตนเองอัดจารา (Adjara) เป็นเมืองริมชายฝั่งทะเลดำบริเวณเชิงเขาคอเคซัส มีการเจริญเติบโตอย่างไม่หยุดหย่อน ผสมผสานระหว่างวัฒนธรรมดั้งเดิมและสมัยใหม่ไว้ได้อย่างลงตัว นักท่องเที่ยวจะเดินสัมผัสกับบรรยากาศของเมืองประวัติศาสตร์ ในขณะเดียวกันก็จะเห็นความอลังการของอาคารสูงเสียดฟ้าและสถาปัตยกรรมแบบสัญลักษณ์อันสวยงามแปลกตา มีหาดทรายสวยงามกว้างใหญ่ พร้อมทั้งที่เที่ยวเอนเตอร์เทนเมนต์มากมาย นำท่านขึ้นกระเช้า Batumi Argo Cable car (กระเช้า 1 หลัง นั่งได้ 8 คน ใช้เวลาเดินทางประมาณ 15 นาที) เพื่อขึ้นสู่ยอดเขา Anuria บนความสูง 250 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล จากนั้นให้ท่านได้ถ่ายรูปและชมวิวมุมกว้างของเมืองบาตูมิพร้อมกับวิวของทะเลดำอันสวยงาม
12.00 น. รับประทานอาหารกลางวันแบบพื้นเมือง ณ Restaurant Argo บนยอดเขา ให้ท่านได้ดื่มด่ำบรรยากาศการรับประทานอาหารไปพร้อมกับชมวิวของเมืองริมทะเลดำอันน่าหลงใหล
จากนั้นให้ท่านได้ชมบรรยากาศของบ้านเรือนในย่านเมืองเก่า (Old Town) และชมอาคารที่ได้รับการออกแบบโดยสถาปนิกที่มีชื่อเสียงสร้างขึ้นในรูปแบบของสถาปัตยกรรมแบบผสมผสานกันเป็นพิเศษที่มีความสวยงามน่ารัก ซึ่งอาคารส่วนมากถูกตกแต่งขึ้นมาด้วยความเพ้อฝันอันเลื่อนลอยเป็นรูปสิงโต และบางแห่งถูกสร้างขึ้นโดยไม่ทราบชื่อและที่มาจากนิทานโบราณและที่นำความภูมิใจมาให้ชาวบาตูเมียน ก็คือ รูปของเด็กกับขลุ่ยต้นอ้อ (A boy with the reed-pipe)
นำท่านเดินชม จัตุรัสเปียซซ่า (Piazza Square) หนึ่งในจัตุรัสสำคัญของเมืองบาทูมี ซึ่งรายล้อมด้วยร้านอาหารและโรงแรมมากมายบนเนื้อที่กว่า 5,700 ตารางเมตร ใกล้ริมอ่าวทะเลดำสถาปัตยกรรมโดยรอบนับว่าได้แรงบันดาลใจจากประเทศอิตาลีโดยแท้ สังเกตได้จากภาพโมเสคและงานกระจกสีที่หาดูได้ตามอาคารรอบจัตุรัส
และนำท่านแวะถ่ายรูปกับ รูปปั้นอาลีและนีโน่ (Ali and Nino Moving Sculptures) รูปปั้นพิเศษสูง 8 เมตร ตั้งอยู่ริมทะเลดำที่สามารถเคลื่อนไหวได้ทุก ๆ 10 นาที จากผลงานการออกแบบของ Tamara Kvesitadze สถาปนิกชาวท้องถิ่น ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากนวนิยายชื่อดังเรื่อง Kurban ออกแบบให้มีโครงสร้างเป็นเหล็กซ้อนกันเป็นชั้น ๆ สามารถเคลื่อนซ้อนชนกันได้ ซึ่งจะเคลื่อนเข้าหากันโดยมีลักษณะคล้ายกับการโผเข้าจูบกันของคู่รักในทุกวันเวลา 1 ทุ่มตรง จุดประสงค์ที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นสัญลักษณ์สื่อถึงความรักระหว่าง Ali & Nino หนุ่มสาวต่างเชื้อชาติและศาสนา และยังแสดงถึงสันติภาพระหว่างประเทศจอร์เจียและอาร์เซอไบจานอีกด้วย
จากนั้นนำท่าน ล่องเรือทะเลดำชมเมืองบาทูมิ (ใช้เวลาล่องเรือ 30 นาที) ท่านจะได้ชมความงามของเมืองในยามค่ำคืนที่เป็นแสงสีสวยงามและเห็นถึงความสวยงามของทะเลดำ ซึ่งทะเลดำนั้นเกิดจากดินโคลนชายฝั่งที่มีแร่ธาตุจากพืชพื้นเมืองและสารไฮโดรเจนซัลไฟด์ จนทำให้ทรายและดินกลายเป็นสีดำดูแปลกตา และหากอยู่ในช่วงเวลาที่เหมาะสม ท่านจะได้เห็นพระอาทิตย์ตกจากริมขอบฟ้าของทะเลดำเป็นบรรยากาศฟิน ๆ ส่งท้ายของค่ำคืนนี้
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร
นำท่านเข้าสู่ที่พัก ณ Wyndham Batumi Hotel 4* หรือระดับเทียบเท่า 4 ดาว
วันศุกร์ที่ 1 พ.ค. 63 (3) ซักดีดี้ – เมสเตีย
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
09.00 น. นำท่านเดินทางสู่ เมืองซักดีดี้ (Zugdidi) ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง 30 นาที เมืองประวัติศาสตร์ทางตะวันตกของจอร์เจีย เป็นอดีตเมืองหลวงที่สำคัญของอาณาเขต Mingrelia โดยในช่วงระหว่างศตวรรษที่ 17-19 Zugdidi เป็นหนึ่งในศูนย์กลางทางการเมืองและวัฒนธรรมที่สำคัญของ Mingrelia
เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
จากนั้นนำท่านเดินทางต่อไปยัง เมืองเมสเตีย (Mestia) ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชั่วโมง ประตูสู่ดินแดนสวาเนติ (Svaneti) ตอนบน เป็นเมืองหลวงของจังหวัดสวาเนติ ตั้งอยู่บนหุบเขาที่ความสูง 1,500 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล เป็นเมืองโบราณเล็ก ๆ ที่บ้านหลายหลังมีการสร้างหอคอยด้วยหินเพื่อใช้สำหรับสังเกตการณ์และป้องกันการบุกรุกของข้าศึกในสมัยนั้น โดยการเดินทางจะลดเลี้ยวเคี้ยวคด ถนนหนทางเริ่มยกระดับสูงขึ้นไปเรื่อย ๆ ตามระดับความสูงของเทือกเขาคอเคซัส แต่ก็แลกมาด้วยทิวทัศน์ข้างทางที่ติดตาตรึงใจในทุกฤดูกาลตลอดเส้นทาง ถือเป็นเส้นทางของจอร์เจียที่สวยงามติดอันดับต้น ๆ ของยุโรป
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร
นำท่านเข้าสู่ที่พัก ณ Hotel Banguriani Mestia 3* หรือระดับเทียบเท่า 3 ดาว
วันเสาร์ที่ 2 พ.ค. 63 (4) หมู่บ้านมรดกโลกอุชกูลี – เมสเตีย
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
08.30 น. นำท่านเดินทางโดยรถ 4WD (4 wheel drive) สู่หมู่บ้านอันไกลโพ้น ซ่อนอยู่ท่ามกลางอ้อมกอดของเทือกเขาคอเคซัส ที่มีนามว่า อุชกูลี (Ushguli) ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง 30 นาที ที่นี่เป็นชุมชนที่ได้ชื่อว่าอยู่สูงที่สุดในทวีปยุโรป ในระดับความสูง 2,100 เมตรจากระดับน้ำทะเล บนราบเชิงเขา Shkhara ซึ่งเป็นหนึ่งในยอดเขาที่สูงที่สุดของเทือกเขา Greater Caucasus โดยได้รับการรับรองจากองค์การ Unesco ให้เป็นชุมชนมรดกโลก ซึ่งมี 4 หมู่บ้านย่อยแฝงตัวอยู่ในนั้น ในหมู่บ้านมีผู้คนอาศัยอยู่ประมาณ 300 คน ฟังดูน้อยแต่ก็มีมากพอที่จะอยู่ได้ด้วยเอง เพราะมีทั้งโรงเรียน โบสถ์ ร้านอาหาร ร้านค้า โรงแรมที่พัก และลักษณะบ้านเรือนของที่นี่ จะมีหอคอยเป็นเอกลักษณ์ตามแบบฉบับของชาว Svaneti โดยในอดีตหอคอยเหล่านี้มีไว้เพื่อสังเกตการณ์และป้องกันผู้บุกรุก
เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
13.00 น. อิสระให้ท่านได้เล่นชมเมืองตามอัธยาศัย ท่านจะได้พบกับชาวบ้านที่ต้อนรับนักท่องเที่ยวด้วยรอยยิ้มอันอบอุ่น ส่งเสียงทักทายอย่างเป็นมิตร เมื่อท่านเดินผ่านหน้าบ้าน บางคนอาจเรียกให้ไปถ่ายรูปหรือพูดคุยกัน ถึงแม้จะคุยกันคนละภาษา แต่รับรองได้เลยว่าท่านจะประทับใจการเดินทางในครั้งนี้แน่นอน
16.00 น. สมควรแก่เวลานำท่านเดินทางกลับสู่ เมืองเมสเตีย (Mestia) ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชั่วโมง
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร
นำท่านเข้าสู่ที่พัก ณ Hotel Banguriani Mestia 3* หรือระดับเทียบเท่า 3 ดาว
วันอาทิตย์ที่ 3 พ.ค. 63 (5) มาร์ทวิลี แคนยอน – ล่องเรือยางบนแม่น้ำอะบาชา – คูทายซิ – อารามจีลาติ – โบสถ์บากราติ – สคาลทูโบ
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
09.00 น. นำท่านเดินทางสู่ มาร์ทวิลี แคนยอน (Martvili Canyon) ใช้เวลาเดินทางประมาณ 4 ชั่วโมง แกรนด์แคนยอนแห่งประเทศจอร์เจีย เป็นหุบเขาที่มีแม่น้ำอะบาชา (Abasha River) ไหลผ่าน ตั้งอยู่ในเขต Samegrelo ทางตะวันตกของประเทศ เดิมที่นี่เคยเป็นที่อาบน้ำของเจ้าชายในอดีต ปัจจุบันโตรกผานี้ได้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวให้กับผู้มาเยือนที่ชื่นชอบธรรมชาติ
13.00 น. รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
14.30 น. นำท่าน ล่องเรือยางบนแม่น้ำอะบาชา (ระยะทางล่องเรือประมาณ 300-500 เมตร ใช้เวลา 20 นาที, เรือยางนั่งได้ลำละ 6 ท่าน) ชมทัศนียภาพทั้งสองฝั่งที่มีความเขียวขจีตลอดทั้งปี ชมแก่งน้ำสีฟ้าอมเขียวที่ไหลเซาะแนวหิน กลายเป็นโพรงยาวให้พายเรือเข้าไปได้หลายร้อยเมตร ระหว่างพายเรือท่านจะได้แปลกใจที่ธรรมชาติสร้างสิ่งสวยงามแบบนี้ขึ้นมาได้อย่างไร มีหน้าผาสูงที่ด้านบนปกคุมด้วยต้นไม้ใหญ่จนแทบกลายเป็นหลังคากันแดดขนาดใหญ่ ซึ่งนอกจากจุดพายเรือแล้วที่นี่ยังมีทางเดินให้ท่านสามารถเดินลัดเลาะไปตามแก่งหินต่าง ๆ ด้านบนได้อีกด้วย สามารถเดินรับบรรยากาศหรือถ่ายรูปเล่นชิว ๆได้อย่างเต็มอิ่ม
16.00 น. นำท่านเดินทางสู่ เมืองคูทายซิ (Kutaisi) ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง 15 นาที อดีตเมืองหลวงของประเทศจอร์เจีย มีอายุกว่า 3,000 ปี เป็นเมืองหลวงเก่าแก่ของอาณาจักรโคลซิส (Colchis) หรืออาณาจักรจอร์เจียนโบราณในสมัยคริสต์ศตวรรษที่ 12-13 โดยเมืองคูทายซิได้รับการยกย่องว่าเป็นชุมชนหลักของจังหวัด Zemo หรือ Upper Svaneti แม้เมืองจะมีขนาดเล็ก แต่ก็เป็นศูนย์กลางทางวัฒนธรรมที่สำคัญของจอร์เจีย และเมื่อคูทายซิได้กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้งหลังจากสิ้นสุดสหภาพโซเวียต ปัจจุบันจึงกลายเป็นเมืองที่มีประชากรมากที่สุดเป็นอันดับสามของจอร์เจีย
นำท่านชมแหล่งมรดกโลกด้านวัฒนธรรมของจอร์เจียคือ อารามจีลาติ (Gelati Cathedral) อารามหลวงของเมืองที่ถูกค้นพบในช่วงคริสตศต์วรรษที่ 12 สร้างโดย King David IV แห่งจอร์เจีย ซึ่งทางองค์การ Unesco ได้ประกาศให้เป็นมรดกโลกเมื่อปี ค.ศ.1994 บริเวณอารามแบ่งเป็นสองส่วนคือ โบสถ์เซนต์นิโคลาส (St. Nicholas) และโบสถ์เซนต์ จอร์จ (St.George) ภายในโบสถ์มีภาพเขียนสีเฟรสโกที่เล่าเรื่องราวเกี่ยวกับคริสต์ศาสนา และในอดีตได้ใช้สถานที่แห่งนี้เป็นมหาวิทยาลัย ซึ่งนับได้ว่าเป็นมหาวิทยาลัยที่เก่าแก่มากที่สุดแห่งหนึ่งของยุโรป และนำท่านชม โบสถ์บากราติ (Bagrati Cathedral) โบสถ์ออโธดอกซ์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศจอร์เจียได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากองค์การ Unesco สร้างขึ้นในปีศตวรรษที่ 11 เป็นสิ่งสะท้อนถึงสถาปัตยกรรมยุคกลางอย่างเด่นชัด แม้ว่าตัวโบสถ์จะได้รับความเสียหายทั้งจากศัตรูผู้รุกรานและภัยธรรมชาติมาหลายศตวรรษ แต่ก็ได้มีการบูรณะมาโดยตลอด และท่านจะได้ชมวิวทิวทัศน์โดยรอบ เนื่องจากโบสถ์ตั้งอยู่บนเนินเขา Ukimerioni ทำให้สามารถมองเห็นทัศนียภาพที่สวยงามได้โดยรอบ
19.00 น. จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เมืองสคาลทูโบ (Tskaltubo) ใช้เวลาเดินทางประมาณ 20 นาที เมืองหลักของจังหวัด Imereti ทางตะวันตกของจอร์เจีย มีชื่อเสียงในเรื่องของน้ำแร่เรดอน-คาร์บอเนต ซึ่งมีอุณหภูมิตามธรรมชาติอยู่ที่ 33–35 องศาเซลเซียส สามารถช่วยในเรื่องของการไหลเวียนโลหิต, โรคประสาท, กล้ามเนื้อ, กล้ามเนื้อโครงกระดูก และโรคผิวหนัง ด้วยจุดเด่นนี้จึงทำให้ Tskaltubo เป็นเมืองที่นิยมอย่างมากในยุคโซเวียต สามารถดึงดูดผู้คนได้ประมาณ 125,000 คนต่อปีเลยทีเดียว
นำท่านเข้าสู่ที่พัก ณ Tskaltubo Plaza Hotel 4* หรือระดับเทียบเท่า 4 ดาว
19.30 น. รับประทานอาหารค่ำ ณ ห้องอาหารของโรงแรม
วันจันทร์ที่ 4 พ.ค. 63 (6) ถ้ำโพรมิธีอุส – บอร์โจมี – Borjomi Central Park – นั่งกระเช้าโบราณขึ้นสู่หน้าผาเหนือเมืองบอร์โจมี
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
09.30 น. นำท่านเดินทางไปยัง ถ้ำโพรมิธีอุส (Prometheus Cave) ใช้เวลาเดินทางประมาณ 10 นาที หนึ่งในถ้ำอันน่าอัศจรรย์ของชาวจอร์เจีย เป็นถ้ำหินงอกหินย้อยที่เกิดตามธรรมชาติอย่างงดงาม ซึ่งหาชมได้ยาก ถูกค้นพบครั้งแรกเมื่อปี ค.ศ. 1984 และเมื่อปี ค.ศ. 2012 ได้มีการปรับปรุงพร้อมกับตกแต่งด้านในเพื่อรองรับนักท่องเที่ยวที่มาเข้าชมเป็นจำนวนมากในแต่ละปี ส่วนชื่อของ ถ้ำโพรมีธีอุส เป็นชื่อของเทพปกรณัมกรีก ที่เป็นเทพผู้นำไฟมาให้มนุษย์ได้ใช้นั่นเอง
จากนั้นนำท่านเดินเข้าชมภายในของ ถ้ำโพรมิธีอุส พบกับความสวยงามของหินงอกหินย้อยที่มีการประดับไฟสะท้อนแสงสีตระการตาภายในตัวถ้ำ และด้วยสีสันของไฟในถ้ำ อาจทำให้ท่านได้จินตนาการถึงรูปทรงของเหล่าหินงอกหินย้อยเหล่านั้นได้มากมายหลายรูปแบบ (การเข้าชมภายในถ้ำจะใช้เวลาในการเดินชมประมาณ 1 ชั่วโมง และนั่งเรือท้องแบนออกจากถ้ำประมาณ 15 นาที)
12.00 น. รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
13.30 น. จากนั้นนำท่านเดินทางสู่เมือง บอร์โจมี (Borjomi) ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชั่วโมง เมืองตากอากาศเล็ก ๆ ริมแม่น้ำ Mtkvari ในเขตซัมซเค-จาวาเคตี (Samtskhe-Javakheti) เป็นเมืองที่มีชื่อเสียงเกี่ยวกับอุตสาหกรรมน้ำแร่มากที่สุดของจอร์เจีย เพราะมีแหล่งน้ำพุร้อนธรรมชาติที่ดีที่สุด เมื่อบวกกับธรรมชาติที่งดงามและอุดมสมบูรณ์จึงทำให้เมืองนี้กลายเป็นเมืองท่องเที่ยวที่สำคัญ มีโรงแรมหลากหลายสไตล์เปิดให้บริการบ่อน้ำพุร้อน อากาศเย็นสบายตลอดทั้งปี
16.30 น. นำท่านเดินชม Borjomi Central Park สถานที่ท่องเที่ยวและพักผ่อนของชาวเมืองบอร์โจมี ที่นิยมมาเดินเล่นและผ่อนคลายโดยการแช่น้ำแร่ในวันหยุด สร้างขึ้นตั้งแต่ปีค.ศ. 1850 เป็นสวนขนาดเล็กที่มีความเงียบสงบ มีต้นไม้ ลำธาร หุบเขา เครื่องเล่นเด็กและรวมถึงแหล่งน้ำแร่ดั้งเดิมของเมืองคือ Ekaterina Spring ซึ่งอยู่ตรงหน้าทางเข้า ให้ท่านได้ลองชิมน้ำแร่ที่เป็นเป็นจุดเด่นและมีชื่อเสียงของเมือง จากนั้นนำท่าน นั่งกระเช้าโบราณขึ้นสู่หน้าผาเหนือเมืองบอร์โจมี กระเช้าที่มีมาตั้งแต่ยุคโซเวียต แต่ได้รับการปรับปรุงใหม่ในปี 2005 ซึ่งบรรยากาศจะแตกต่างไปจากกระเช้าที่เมืองทบิลิซิ อิสระให้ท่านเก็บภาพวิวทิวทัศน์ธรรมชาติของเมืองบอร์โจมีจากมุมสูง
นำท่านเข้าสู่ที่พัก ณ Crowne Plaza Hotel Borjomi 4* หรือระดับเทียบเท่า 4 ดาว
18.30 น. รับประทานอาหารค่ำ ณ ห้องอาหารของโรงแรม
วันอังคารที่ 5 พ.ค. 63 (7) นครถ้ำอุพลิสชิเค – กอริ – Memorial of Friendship
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
09.00 น. นำท่านเดินทางสู่ เมืองอุพลิสชิเค (Uplistsikhe) ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง 30 นาที เพื่อให้ท่านได้เข้าชมนครถ้ำเก่าแก่ของจอร์เจียที่มีอายุกว่า 3,000 ปี ครอบคลุมเนื้อที่กว่า 50 ไร่ โดยท่านจะได้ทึ่งไปกับความสามารถและความพยายามของมนุษย์ในยุคนั้น ยุคที่ไม่ได้มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันแบบปัจจุบัน เพราะนครถ้ำแห่งนี้ไม่ได้เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ แต่เกิดขึ้นมาจากการสกัดและสลักเป็นห้องโถงต่าง ๆ โดยฝีมือมนุษย์ในช่วงยุคโลหะหรือประมาณศตวรรษที่ 4 ก่อนคริสตกาล ถือว่าเป็นถิ่นฐานอาศัยแรก ๆ ของคนในแถบคอเคซัสที่สมบูรณ์รุ่งเรืองมาก สำหรับการเป็นชุมชนในยุคนั้น ว่ากันว่าอาจเคยมีคนอาศัยอยู่ถึงกว่า 20,000 คนเลยทีเดียว แต่หลังจากโดนรุกรานจากมองโกและเกิดแผ่นดินไหวหลายครั้ง นครแห่งนี้ก็ร้างไปในที่สุด
12.30 น. สมควรแก่เวลานำท่านเดินทางสู่ เมืองกอริ (Gori) ใช้เวลาเดินทางประมาณ 20 นาที อดีตเมืองอุตสาหกรรมและเกษตรกรรมในยุคการปกครองโดยสหภาพโซเวียต นอกจากนี้ยังเป็นบ้านเกิดของ โจเซฟ สตาลิน (Joseph Stalin) จอมเผด็จการสุดอันตราย เป็นผู้ทรงอิทธิพลและเป็นผู้นำคนสำคัญของสหภาพโซเวียตในยุค 1920 จนถึง 1953 ที่นำพาให้โซเวียตก้าวขึ้นมาเป็นมหาอำนาจของโลกในช่วงเวลานั้น
13.00 น. รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
14.30 น. นำท่านเดินทางสู่ Memorial of Friendship ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชั่วโมง หรืออีกชื่อคือ Russia–Georgia Friendship Monument เป็นอนุสรณ์สถานขนาดใหญ่ที่สร้างขึ้นมาในปี ค.ศ. 1983 ตั้งอยู่บน Devil’s Valley ซึ่งอยู่ระหว่าง เมืองกูดอร์ริ (Gudauri) อันเป็นเมืองที่มีชื่อเสียงด้านสกีรีสอร์ท และเส้นทาง Jvari Pass (จวารี พาส) ถูกสร้างเพื่อเป็นสัญลักษณ์บ่งบอกถึงความสัมพันธ์อันดีของประเทศจอร์เจียและประเทศรัสเซีย โดยโครงสร้างทั้งหมดทำมาจากหินและคอนกรีต ภายในมีการวาดภาพประวัติศาสตร์ของประเทศจอร์เจียและประเทศรัสเซียไว้อย่างสวยงาม และด้วยความที่อนุสรณ์สถานแห่งนี้ตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่บนหุบเขาที่มีความสวยงามของเทือกเขาคอเคซัส ประกอบกับตั้งอยู่ใกล้ถนนใหญ่ จึงทำให้สถานที่แห่งนี้มีผู้คนแวะมาเยี่ยมเยียนและถ่ายรูปกันตลอดทั้งวัน
นำท่านเข้าสู่ที่พัก ณ Hotel Sno Kazbegi 4* หรือระดับเทียบเท่า 4 ดาว
19.30 น. รับประทานอาหารค่ำ ณ ห้องอาหารของโรงแรม
วันพุธที่ 6 พ.ค. 63 (8) สเตพานซ์มินด้า – นั่งรถ 4WD ขึ้นสู่โบสถ์เกอร์เกอตี้ ทรินิตี้ – ป้อมอนานูริ – ทบิลิซี
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
09.00 น. นำท่านเดินทางสู่ เมืองคาซเบกิ (Kazbegi) ใช้เวลาเดินทางประมาณ 15 นาที ปัจจุบันได้เปลี่ยนชื่อเมืองมาเป็น สเตพานซ์มินด้า (Stepantsminda) เมืองเล็ก ๆ ในจังหวัด Mtskheta-Mtianeti ทางตอนเหนือของประเทศใกล้กับพรหมแดนประเทศรัสเซีย ตัวเมืองอยู่บริเวณเชิงเขา Kazbek ที่ความสูง 1,750 เมตรจากระดับน้ำทะเล จึงทำให้มีอากาศเย็นสบายตลอดทั้งปี โดยในฤดูหนาวจะหนาวจัดถึงลบ 5 องศาเซลเซียส เลยทีเดียว
09.30 น. นำท่านนั่งรถ 4WD (4 wheel drive) ขึ้นสู่ โบสถ์เกอร์เกอตี้ ทรินิตี้ (Gergeti Trinity Church) ใช้เวลาเดินทางประมาณ 30 นาที โบสถ์เก่าแก่ที่มีชื่อเสียงมากของประเทศจอร์เจีย ตั้งอยู่บนภูเขาสูงกว่า 2,170 เมตร บนเทือกเขาคัสเบกิ (Mount Kazbegi) ใกล้ ๆ กับเมืองคัสเบกิ (Kazbegi) ทางขวามือของแม่น้ำ Chkheri และมีฉากหลังของโบสถ์เป็นเทือกเขาขนาดใหญ่ที่สวยงามมาก ถูกสร้างขึ้นเมื่อศตวรรษที่ 14 พร้อมกับหอระฆังที่อยู่ด้านข้าง เป็นคริสตจักรที่ผสมผสานแบบออร์ทอดอกซ์ และ Apostolic Church และเป็นโบสถ์โดมเพียงแห่งเดียวในจังหวัด Khevi ที่สามารถมองเห็นเมืองคัสเบกิที่สวยงามได้ด้วย
12.00 น. รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตคาคารท้องถิ่นพร้อมชิมไวน์ที่ทำจากฝีมือชาวบ้าน
13.30 น. จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ ป้อมอนานูริ คอมเพล็กซ์ (Ananuri fortress Complex) ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง สถาปัตยกรรมอันเก่าแก่ของประเทศจอร์เจีย สันนิษฐานกันว่า Ananuri Complex ได้ถูกสร้างขึ้นมาตั้งแต่สมัยศตวรรษที่ 13 เพื่อเป็นที่ประทับของ The eristavis (Dukes) of Aragvi ราชวงศ์ระบบศักดินาซึ่งปกครอง Aragvi ในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 13 ซึ่งสถานที่แห่งนี้มีอายุร่วม 800 ปีแล้ว อีกทั้งได้ผ่านศึกสงครามมาหลายครั้ง จึงทำให้หลาย ๆ ส่วนของ Ananuri แตกหักพังทลายไปตามกาลเวลา แต่อย่างไรก็ตามด้วยคุณค่าทางประวัติศาสตร์ ความสวยงามต่าง ๆ ที่ยังคงเหลืออยู่ โดยเฉพาะทำเลที่ตั้งของ Ananuri Complex ที่อยู่ติดกับแม่น้ำ Aragvi ถือเป็นชัยภูมิที่มีความโดดเด่นมาก เลยทำให้สถานที่แห่งนี้ได้กลายเป็นหนึ่งในมรดกโลกจากองค์การ UNESCO World Heritage ในปี ค.ศ. 2007
ภายในสถานที่แห่งนี้ประกอบไปด้วยปราสาท, โบสถ์เก่าแก่ช่วงศตวรรษที่ 17 และป้อมปราการ ส่วนด้านล่างเป็น อ่างเก็บน้ำซินวาลี (Zhinvali Reservoir) สถานที่สำหรับส่งต่อน้ำที่เก็บไว้ และส่งต่อไปยังเมืองหลวงเพื่อผลิตกระแสไฟฟ้า และที่นี่ถือเป็นสถานที่ที่เหมาะกับนักท่องเที่ยวทุกสไตล์ ไม่ว่าจะเป็นสายถ่ายรูป, สายประวัติศาสตร์ที่ต้องการศึกษาสถาปัตยกรรมโบราณ, สายเที่ยวแบบชิล ๆ หรือสายช้อปปิ้งก็ยังมี เพราะที่นี่มีตั้งแต่ตลาดขายอาหาร ของที่ระลึก เสื้อผ้า หมวกไหมพรม ถุงมือกันหนาว เป็นต้น
หมายเหตุ: เนื่องจากประชากรส่วนใหญ่ของประเทศจอร์เจียนับถือศาสนาคริสต์นิกายออโทด็อกซ์เป็นหลักมาตั้งแต่ในอดีต ดังนั้นการเข้าชมโบสถ์ของที่นี่ท่านสุภาพสตรีจะต้องสวมผ้าคลุมศีรษะในการเข้าชม และกรุณาเตรียมผ้าคลุมศีรษะไปด้วย หรือหากท่านไม่ได้เตรียมมา ตามโบสถ์ใหญ่ ๆ ที่เป็นสถานที่ท่องเที่ยวหลัก จะมีบริการให้ยืมฟรีแก่นักท่องเที่ยว
17.00 น. จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เมืองทบิลิซี (Tbilisi) ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง 15 นาที เมืองหลวงที่งดงามของจอร์เจีย ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำ Mtkvari สร้างมาตั้งแต่สมัยศตวรรษที่ 5 มีเสน่ห์ด้วยอาคารบ้านเรือนเก่าแก่ ซึ่งผสมผสานทั้งสถาปัตยกรรมของยุคกลาง, สถาปัตยกรรมฟื้นฟูคลาสสิก, สถาปัตยกรรมโบซาร์, สถาปัตยกรรมสตาลิน และสถาปัตยกรรมแบบโมเดิร์น รายล้อมไปด้วยภูเขาสูงใหญ่และธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ ภายในเมืองมีตึกและอาคารสวย ๆ ให้เดินเที่ยวถ่ายรูปแทบจะทุกมุมตึก บรรยากาศไม่แตกต่างจากเมืองสำคัญในยุโรปเลยทีเดียว
18.30 น. รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร
นำท่านเข้าสู่ที่พัก ณ Mercure Tbilisi Old Town 4* หรือระดับเทียบเท่า 4 ดาว
วันพฤหัสบดีที่ 7 พ.ค. 63 (9) มิสเคตา – วิหารจวารี – โบสถ์สเวติสโคเวลี – ทบิลิซี – สะพานสันติภาพ – โบสถ์เมเตคี – นั่งกระเช้าลอยฟ้า – ป้อมนาริกาลา – มาเธอร์ ออฟ อะ จอร์เจียน – โรงอาบน้ำ
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
09.00 น. นำท่านเดินทางสู่ เมืองมิสเคตา (Mtskheta) ใช้เวลาเดินทางประมาณ 30 นาที เมืองหลวงเก่าของประเทศจอร์เจียก่อนที่จะมีการย้ายเมืองหลวงไปที่นครทบิลิซีในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 4-5 Mtskheta เป็นเมืองที่มีสถาปัตยกรรมเก่าแก่ที่มีความสวยงามมาก รวมทั้งยังมีทำเลที่ตั้งของเมืองอยู่ระหว่างจุดที่แม่น้ำ Kura และแม่น้ำ Aragvi ไหลมาบรรจบกัน และด้วยความงามทั้งทางด้านสถาปัตยกรรม, ความงามด้านธรรมชาติ รวมถึงความมีคุณค่าทางประวัติศาสตร์ ก็เลยทำให้เมืองนี้ได้กลายเป็นหนึ่งในมรดกโลกจากองค์การ UNESCO World Heritage ในปี ค.ศ. 1994 อีกด้วย
นำท่านเข้าชม วิหารจวารี (Jvari Monastery) สำนักสงฆ์เก่าแก่แห่งเมืองมิสเคตา (Mtskheta) เป็นศูนย์กลางทางศาสนาและเมืองที่เก่าแก่ที่สุดของประเทศจอร์เจีย วิหารแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นมาตั้งแต่สมัยคริสต์ศตวรรษที่ 6 และมีทำเลที่ตั้งอยู่บนยอดเขาใกล้ ๆ กับเมือง Mtskheta ทำให้ผู้ที่มาเยี่ยมชมวิหารแห่งนี้นอกจากจะได้เห็นความงามของตัววิหารแล้ว ยังสามารถชมวิวทิวทัศน์ของเมือง Mtskheta ที่มีแม่น้ำ Kura กับแม่น้ำ Aragvi ไหลมาบรรจบกันได้อีกด้วย โดยในช่วงเวลากลางวันท่านจะมีโอกาสได้เห็นสีของแม่น้ำสองสายที่มีความแตกต่างกันไหลมาบรรจบกันได้อย่างชัดเจน และในช่วงเวลาก่อนที่พระอาทิตย์จะตกดิน ท่านจะได้เห็นภาพของแม่น้ำสองสายที่มีสีเหลืองอ่อนๆ จากแสงพระอาทิตย์ที่สาดส่องมากระทบก่อนที่จะลาลับขอบฟ้าไป
10.30 น. จากนั้นนำท่านเดินทางไปยัง โบสถ์สเวติสโคเวลี (Svetitskhoveli Cathedral) ใช้เวลาเดินทางประมาณ 20 นาที วิหารหรือโบสถ์ขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่ใจกลางเมือง Mtskheta สร้างขึ้นมาตั้งแต่สมัยคริสต์ศตวรรษที่ 4 ถือเป็นสัญลักษณ์ของการเปลี่ยนความเชื่อของประชาชนชาวจอร์เจียที่ได้เปลี่ยนมานับถือศาสนาคริสต์เป็นศาสนาประจำชาติ โดยโครงสร้างโบสถ์เดิมที่ถูกสร้างขึ้นมาในสมัยศตวรรษที่ 4 ได้พังทลายลงไปจากสงครามและแผ่นดินไหว จึงได้ถูกสร้างขึ้นมาใหม่ในสมัยคริสต์ศตวรรษที่ 10-11 และได้รับการดูแลอย่างดีตลอดช่วงเวลา 900 กว่าปีที่ผ่านมา ภายในโบสถ์แห่งนี้จะมีพื้นที่เล็ก ๆ ส่วนหนึ่งที่ทำเป็นโบสถ์จำลองของ Chapel of Holy Sepulchre ในนครเยรูซาเล็ม รวมทั้งยังเคยเป็นที่ประกอบพิธีราชาภิเษกของกษัตริย์ประเทศจอร์เจียและเป็นสุสานสำหรับฝังพระศพของกษัตริย์ถึง 10 พระองค์อีกด้วย
12.30 น. รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
14.00 น. นำท่านเดินทางกลับสู่ เมืองทบิลิซี (Tbilisi) ใช้เวลาเดินทางประมาณ 30 นาที เพื่อนำท่านเที่ยวชมเมืองทบิลิซิ เมืองหลวงที่งดงามของจอร์เจีย เริ่มจากถ่ายรูปกับ สะพานสันติภาพ (The Bridge of Peace) สะพานที่มีความยาวถึง 150 เมตร และเป็นสะพานที่ข้ามแม่น้ำคูราเพื่อเชื่อมระหว่างตัวเมืองเก่าและตัวเมืองใหม่ทบิลิซี โครงสร้างหลักของสะพานแห่งนี้ทำมาจากเหล็กและกระจกใส มีการเปิดใช้งานครั้งแรกเมื่อปี ค.ศ. 2010 และจัดว่าเป็นงานสถาปัตยกรรมยุคใหม่ที่มีความสวยงามชิ้นหนึ่งของประเทศจอร์เจีย จากนั้นนำท่านชม โบสถ์เมเตคี (Metekhi Cathedral) จุดเริ่มต้นการเดิน City Walk ของหลาย ๆ คน เพราะโบสถ์แห่งนี้สามารถมองเห็นสถานที่เที่ยวต่าง ๆ ในละแวกนั้นได้อย่างชัดเจน รวมทั้งมีระยะทางการเดินไปยังสถานที่ต่าง ๆ ไม่ไกลมากด้วย โดยโบสถ์นี้จะตั้งอยู่ริมแม่น้ำคูรา (Kura) หรืออีกชื่อหนึ่งคือแม่น้ำมิทควารี (Mtkvari) และอยู่ตรงข้ามกับเขตเมืองเก่า (Old Town Tbilisi) รวมไปถึงป้อมนาริกาลา (Narikala Fortress) สำหรับจุดเด่นที่น่าสนใจของการมาที่โบสถ์แห่งนี้ก็คือความเก่าแก่, ความสวยงามของโบสถ์, รูปปั้นของกษัตริย์วาคตัง จอร์กาซาลี (Vakhtang Gorgasali) ผู้ค้นพบเมืองนี้ รวมไปถึงที่นี่ยังเป็นจุดถ่ายรูปของเมืองทบิลิซีที่สวยงามอย่างมาก
16.00 น. นำท่าน นั่งกระเช้าลอยฟ้า จากสถานีบริเวณ Rike park เพื่อขึ้นไปยัง ป้อมนาริกาลา (Narikala Fortress) ป้อมปราการที่ถูกสร้างขึ้นมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 4 เพื่อปกป้องเมืองทบิลิซี โดยชื่อ Nari-Kala นั้นเป็นภาษาเปอร์เซีย แปลว่า “ป้อมที่ไม่สามารถตีแตกได้” ซึ่งป้อมแห่งนี้ก็ควรค่าแก่การใช้ชื่อนี้จริง ๆ เพราะหลายศึกหลายสงครามในอดีตได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าป้อมแห่งนี้แข็งแกร่งมาก จากนั้นนำท่านถ่ายรูปกับ มาเธอร์ ออฟ อะ จอร์เจียน (Mother of a Georgian) หรืออีกชื่อหนึ่งคือ Kartlis Deda รูปปั้นหญิงสาวสูง 20 เมตรบนยอดเขาโซโลลากิ (Solo Laki Hill) โดยรูปปั้นนี้สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1958 เพื่อฉลองนครทบิลิซีอายุครบ 1,500 ปี และเป็นรูปปั้นที่สะท้อนถึงจิตวิญญาณและนิสัยของคนจอร์เจียได้เป็นอย่างดี โดยมือข้างหนึ่งของรูปปั้นจะถือดาบ ส่วนมืออีกข้างหนึ่งจะถือแก้วไวน์ ซึ่งมีความหมายว่าหากใครที่มาเยือนจอร์เจียแบบศัตรูเธอจะใช้ดาบในมือขวาฟาดฟันให้แดดิ้น แต่หากใครที่มาเยือนอย่างมิตรไมตรี เธอจะต้อนรับด้วยไวน์ในมือซ้ายอย่างอบอุ่นและอิ่มหนำสำราญ และบริเวณด้านบนนี้สามารถมองจากป้อมด้านบนลงมาเห็นแลนมาร์คหลัก ๆ ที่สำคัญของเมืองเกือบทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น สะพานสันติภาพ (The Bridge of Peace), โบสถ์เมเตคี (Metekhi Cathedral), รวมถึงโบสถ์ทรินิตี้ด้วย จากนั้นเดินลงมาตามทางเพื่อให้ท่านถ่ายรูปด้านนอกกับ โรงอาบน้ำ (Sulphur Bath) หรืออีกชื่อที่คนท้องถิ่นเรียกกัน คือ อะบาโนตูบานี (Abanotubani) ด้วยความที่เมืองทบิลิซีนั้นมีบ่อน้ำพุร้อนเป็นจำนวนมาก ดังนั้นภายในเมืองแห่งนี้จึงมีโรงอาบน้ำร้อนให้บริการหลายแห่ง โดยโรงอาบน้ำร้อนเหล่านี้ได้เปิดให้บริการมาเป็นระยะเวลานาน มีบุคคลสำคัญระดับโลกเดินทางมากันมากมายเพื่อที่จะได้ลองและสัมผัสกับบรรยากาศการอาบน้ำเมื่อหลายร้อยปีก่อน ซึ่งโรงอาบน้ำที่เก่าแก่ที่สุดคือ โรงอาบน้ำหมายเลข 5 (Bathhouse #5) ส่วนโรงอาบน้ำที่อยู่ติดกันนั่นก็คือโรงอาบน้ำของราชวงศ์ (Royal Bath : Bathhouse #4) ที่เคยใช้เป็นโรงอาบน้ำของกษัตริย์ในอดีต
19.00 น. รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร
นำท่านเข้าสู่ที่พัก ณ Mercure Tbilisi Old Town 4* หรือระดับเทียบเท่า 4 ดาว
วันศุกร์ที่ 8 พ.ค. 63 (10) ไซห์นากี – อารามนักบุญนีโน่แห่งบอดบี – กำแพงเมืองโบราณ – อุโมงค์เก็บไวน์ของโรงไวน์คาเรบา – ทบิลิซี
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
09.00 น. นำท่านเดินทางสู่ เมืองไซห์นากี (Sighnaghi) ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง เมืองป้อมปราการในศตวรรษที่ 17 ตั้งอยู่ในหุบเขาอลาซานี (Alazani Valley) สามารถชื่นชมกับภูมิทัศน์ตระการตาของเทือกเขาคอเคซัสได้อย่างใกล้ชิด รวมถึงสถาปัตยกรรมและสีสันของบ้านเรือนตามเนินเขา ทำให้เมืองไซห์นากีเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวกลุ่มคู่รัก และได้รับอีกสมญานามว่า นครแห่งความรัก (Love City) นำท่านเข้าชม อารามนักบุญนีโน่แห่งบอดบี (Monastery of St. Nino at Bodbe) จุดหมายปลายทางของผู้แสวงบุญชาวจอร์เจียน เป็นอารามสงฆ์ในนิกายจอร์เจียนออร์โธดอกซ์ สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 9 แต่ได้รับการบูรณะใหม่ทั้งหมดในศตวรรษที่ 17 ปัจจุบันเป็นอารามนางชี อุทิศให้นักบุญนีโน่ สตรีผู้ประกาศศาสนาคริสต์ในศตวรรษที่ 4 โดยหลุมศพของนักบุญนีโนก็ได้รับการบรรจุไว้ในอารามแห่งนี้เช่นกัน
เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
และเมื่อมาถึงที่เมืองนี้แล้วพลาดไม่ได้กับการชม กำแพงเมืองโบราณ (Sighnaghi City Wall) ที่เหลือเพียงแห่งเดียวในจอร์เจีย ชมยอดแหลมของโบสถ์เซนต์จิออร์กี (St. Giorgi Church) และตัวเมืองเก่า (Old Town of Sighnaghi) ที่มีจัตุรัสมากถึง 2 แห่ง นอกจากนั้นไซห์นากียังเป็นศูนย์กลางทางศิลปะของพวกช่างฝีมือแขนงต่าง ๆ เช่นเดียวกับชื่อเสียงด้านการทำไร่องุ่นซึ่งมีกำลังการผลิตไวน์ได้ถึง 70% ของประเทศ
14.30 น. นำท่านเดินทางสู่ อุโมงค์เก็บไวน์ของโรงไวน์คาเรบา (Wine Tunnel of Khareba Winery) ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง ตั้งอยู่ในเมืองคูวาเรลี (Kvareli) ที่แปลว่า ‘ไวน์’ ของแคว้นคาเคติ เป็นอุโมงค์สกัดเข้าไปในภูเขาขนาดมหึมา จำนวน 15 อุโมงค์ มีอุโมงค์ 2 แห่งลึก 800 เมตรวิ่งขนานกัน และเชื่อมอุโมงค์ที่เหลือทั้งหมดที่ลึก 500 เมตร เพื่อให้เป็นที่เก็บไวน์ในอุณหภูมิเหมาะสม โดยตลอดแนวอุโมงค์เป็นที่เก็บไวน์ของคาเรบาหลายพันขวด สำหรับโรงไวน์คาเรบาเปิดดำเนินการเมื่อปี 2004 มีพื้นที่สวนองุ่นราว 6,000 ไร่ทั่วจอร์เจีย ปลูกองุ่น 16 สายพันธุ์ และผลิตไวน์ชนิดต่างๆ ถึง 13 ชนิด และสามารถผลิตไวน์ได้ถึง 3 ล้านขวดต่อปี เมื่อมาถึงที่แล้วห้ามพลาดชิมไวน์คูวาเรลี (Kvureli Wines) ไวน์ท้องถิ่นที่มีชื่อเสียงที่สุดในภูมิภาค
17.00 น. สมควรแก่เวลานำท่านเดินทางกลับสู่ เมืองทบิลิซี (Tbilisi) ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง 30 นาที
นำท่านเข้าสู่ที่พัก ณ Mercure Tbilisi Old Town 4* หรือระดับเทียบเท่า 4 ดาว
20.00 น. รับประทานอาหารค่ำ ณ ห้องอาหารของโรงแรม
วันเสาร์ที่ 9 พ.ค. 63 (11) โบสถ์ทรินิตี้แห่งเมืองทบิลิซี – ทะเลสาบทบิลิซี – เดอะ โครนิเคิล ออฟ จอร์เจีย – เดินทางกลับกรุงเทพฯ
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
09.00 น. นำท่านเข้าชม โบสถ์ทรินิตี้แห่งเมืองทบิลิซี (Holy Trinity Cathedral of Tbilisi) หรืออีกชื่อคือ มหาวิหารซาเมบา (Sameba) โบสถ์ออร์โธด็อกซ์ที่มีขนาดที่ใหญ่ที่สุด และสำคัญที่สุดของประเทศจอร์เจีย สร้างขึ้นระหว่างปี 1995 และปี 2004 โบสถ์แห่งนี้ยังเป็นโบสถ์อีสเทิร์นออร์โธด็อกซ์ (Eastern Orthodox) ที่สูงเป็นอันดับ 3 ของโลกอีกด้วย และด้วยขนาดที่ใหญ่มาก ๆ ของโบสถ์แห่งนี้ก็เลยทำให้สามารถมองเห็นได้ชัดเจนจากระยะไกล
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ ทะเลสาบทบิลิซี (Tbilisi Sea) ใช้เวลาเดินทางประมาณ 15 นาที ทะเลสาบเทียมขนาดใหญ่ สร้างเมื่อปี ค.ศ. 1953 มีพื้นที่กว้างขวาง ความยาวประมาณ 8.75 กิโลเมตร กว้างประมาณ 2.85 กิโลเมตร รายล้อมไปด้วยวิวทิวทัศน์ที่สวยงามของแนวภูเขาและป่าไม้สีเขียว นำท่านชม เดอะ โครนิเคิล ออฟ จอร์เจีย (The Chronicle of Georgia) อนุสรณ์ทางประวัติศาสตร์ของประเทศจอร์เจียที่ตั้งอยู่บนภูเขาสูงนอกเมืองและเล่าถึงเรื่องราวต่าง ๆ ของประเทศจอร์เจียผ่านเสาหินขนาดใหญ่จำนวน 16 ต้น โดยเสาหินแต่ละต้นนั้นนอกจากจะมีขนาดใหญ่มากกว่า 10 คนโอบ แล้วยังมีความสูงถึง 35 เมตร ถูกสร้างขึ้นมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1985 ในสมัยที่ประเทศจอร์เจียยังอยู่ภายใต้การปกครองของประเทศรัสเซีย โดยผู้ที่เริ่มสร้างก็คือชาวจอร์เจียที่ชื่อว่า Zurab Tsereteli แต่ด้วยเหตุผลหลาย ๆ อย่างก็เลยทำให้ปัจจุบันนี้ The Chronicle of Georgia ก็ยังไม่เสร็จสมบูรณ์ดี แต่ยังคงเหลือรายละเอียดที่ต้องเก็บอยู่หลายจุด และด้วยโครงสร้างอันมหึมาของมันทำให้ที่นี่กลายเป็นอนุสรณ์สถานขนาดใหญ่ที่เราสามารถมองเห็นได้จากระยะไกล รวมทั้งสามารถสร้างความตื่นตะลึงอลังการให้เราเป็นอย่างมาก อีกทั้งยังเป็นจุดชมวิวมุมสูงที่สามารถเห็นวิวเมืองทบิลิซีและทะเลสาบทบิลิซีที่สวยงามได้อีกด้วย
12.00 น. รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
13.30 น. สมควรแก่เวลานำท่านเดินทางสู่ สนามบินนานาชาติทบิลิซี (Tbilisi International Airport) ใช้เวลาเดินทางประมาณ 30 นาที เพื่อเตรียมตัวเดินทางกลับสู่ กรุงเทพฯ
17.25 น. เหิรฟ้าสู่ กรุงอิสตันบูล โดยสายการบินเตอร์กิช แอร์ไลน์ เที่ยวบินที่ TK383 ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง 35 นาที
19.00 น. คณะเดินทางถึง สนามบินอตาเติร์ก กรุงอิสตันบูล ประเทศตุรกี (เวลาท้องถิ่นช้ากว่าไทย 4 ชั่วโมง) เพื่อแวะเปลี่ยนเที่ยวบิน เวลารอเปลี่ยนเที่ยวบิน 1 ชั่วโมง 15 นาที
20.15 น. เหิรฟ้าต่อสู่ กรุงเทพฯ โดยสายการบินเตอร์กิช แอร์ไลน์ เที่ยวบินที่ TK64 ใช้เวลาเดินทางประมาณ 9 ชั่วโมง 35 นาที
วันอาทิตย์ที่ 10 พ.ค. 63 (12) เดินทางถึงกรุงเทพฯ
09.50 น. คณะเดินทางกลับถึง สนามบินสุวรรณภูมิ กรุงเทพฯ โดยสวัสดิภาพพร้อมความประทับใจมิรู้ลืม
กำหนดการเดินทาง
อัตราค่าบริการ ราคารวมตั๋วเครื่องบิน คณะเดินทางขั้นต่ำ 20 ท่านขึ้นไป *กรณีมีผู้เดินทางไม่ถึง 20 ท่าน จ่ายเพิ่มท่านละ 2,500 บาท*
อัตรานี้รวม
อัตรานี้ไม่รวม
เงื่อนไขการชำระเงิน
LOFT-EUR59_Autumn Croatia world heritage site 8 Days 5 Nights (OS) นำชมเมืองเก่าดูบรอฟนิก (Grad) โดยเริ่มต้นจากประตูหลัก (Pile Gate),…
LOFT-EUR32_Autumn Best of Germany 11D8N (TG) ชมมหาวิหารโคโลญจน์ ชาวเยอรมันเรียกว่า DOM วิหารแห่งนี้ใหญ่และสูงเป็นอันดับ 3 ของโลก สร้างด้วยสถาปัตยกรรมแบบโกธิค สถาปัตยกรรมโบราณในยุคกลาง งานศิลปะ…
LOFT-EUR33_Autumn_Grand Eastern Europe 10 Days 7 Nights (TG) ชมปราสาทแห่งกรุงปร๊าก สถาปัตยกรรมโบราณสมัย ค.ศ. 11 แบบ กอธิค เคยได้รับการรับรองจากกินเนสส์บุ๊ก…
LOFT-EUR35A_Autumn Great Britain 10D7N (TG) เที่ยวชมเมืองเอดินเบอระ แคลตันฮิลล์ บนเนินเขาแห่งนี้ยังเป็นที่ตั้งของอนุสรณ์สถานรำลึกถึงสงครามนโปเลียน สถาปัตยกรรมที่คล้ายคลึงมหาวิหารแพนธีออน ในประเทศกรีซ ทำให้ เอดินเบอระได้รับการขนานนามว่า “เอเธนส์แห่งทิศเหนือ” ถนนรอยัลไมล์ ถนนสายสำคัญ…
LOFT-EUR71A_Autumn Norway Lofoten northern light 11D8N (TG) นำคณะออกจากที่พักเพื่อไปชมปรากฏการณ์แสงเหนือ บริเวณใกล้ทะเลสาบ Tornetrask และอุทยานแห่งชาติอบิสโก ที่นี่ยังเป็นที่ตั้งของศูนย์ศึกษาปรากฏการณ์แสงเหนือ เป็นจุดที่มีโอกาสในการเห็นแสงเหนือบนท้องฟ้าในยามค่ำคืน Lonely Planet…
LOFT-EUR28B_Autumn Beautiful North Italy 8D5N เดินทางสู่ โดโลไมท์ (Dolomites Mountains) ชมความงดงามของอิตาเลียนแอลป์ เทือกเขาโดโลไมท์ ได้ชื่อว่าเป็นแนวเขาที่งดงามที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ในช่วงฤดูหนาวสกีรีสอร์ทเปิดต้อนรับนักสกี และในฤดูร้อน ที่นี่ยังมีทุ่งหญ้าที่มีดอกไม้สวยตลอดช่วงเทือกเขา…