คัปปาโดเกีย – นครใต้ดินไคมัคลึ – พิพิธภัณฑ์กลางแจ้งเกอเรเม่ – คาราวานสไรน์ – พิพิธภัณฑ์เมฟลาน่า – คอนย่า – ปามุคคาเล่ – คูซาดาซึ – อิชเมียร์ – เอฟฟิซุส – บ้านพระแม่มารี – อิสตันบูล – สุเหร่าสีน้ำเงิน – ฮิปโปโดรม – โบสถ์เซ็นต์โซเฟีย – อ่างเก็บน้ำใต้ดิน – พระราชวังทอปกาปึ พระราชวังโดลมาบาชเช่ – ล่องเรือช่องแคบบอสฟอรัส (Private Boat) – นั่งกระเช้าขึ้นชมยอดเขาเปียลอททึ
พิเศษ ชมโชว์ระบำหน้าท้องที่อิสตันบูล พร้อมดินเนอร์มื้อค่ำ สะสมไมล์ กลุ่มพันธมิตร สตาร์ อะลิอันซ์ (Star Alliance)
โปรแกรมทัวร์ตุรกี 5 ดาว 10-17 พ.ค., 29 พ.ค. – 5 มิ.ย., 10-17 ก.ค., 7-14 ส.ค. 2557 ทัวร์คัปปาโดเกีย ทัวร์อิสตันบูล สายการบินเตอร์กิช แอร์ไลน์ส TK
วันแรก กรุงเทพฯ – อิสตันบูล – ไคเซรี่
08.00 น. คณะพบเจ้าหน้าที่และมัคคุเทศก์ได้ที่ เคาน์เตอร์เชคอิน S (แถว S 14-18) ประตูทางเข้าที่ 9 หรือ 10 อาคารผู้โดยสารขาออก เคาน์เตอร์สายการบินเตอร์กิช แอร์ไลน์ส (TK) ณ สนามบินสุวรรณภูมิ
11.10 น. ออกเดินทางสู่นครอิสตันบูล ประเทศตุรกี โดยเที่ยวบิน TK 65 (ใช้เวลาบินประมาณ 10.25 ชั่วโมง) เพลิดเพลินกับภาพยนตร์หลากหลายกับ จอทีวีส่วนตัวทุกที่นั่ง และสายการบินฯ บริการ อาหารกลางวันและอาหารค่ำ ระหว่างเที่ยวบินสู่นครอิสตันบูล ประเทศตุรกี
17.10 น. เดินทางถึงกรุงอิสตันบูล ประเทศตุรกี นำท่านผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากร
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่อาคารผู้โดยสารในประเทศเพื่อขึ้นเที่ยวบินสู่เมืองไคเซรี่ (Kyseri) เที่ยวบิน TK2018
20.50 น. ออกเดินทางจากสนามบินอิสตันบูล (IST) สู่สนามบินไคเซรี่ (ASR) โดยสายการบินเตอร์กิชแอร์ไลน์ส
โดยเที่ยวบิน TK2018 มีบริการอาหารค่ำบนเครื่องบิน (ใช้เวลาบินประมาณ 1 ชม.)
22.15 น. เดินทางถึงสนามบินไคเซรี่ นำท่านเดินทางสู่โรงแรมที่พัก
นำท่านเข้าสู่โรงแรมที่พัก SUHAN HOTEL***** หรือเทียบเท่า (พักค้าง 2 คืน)
วันที่สอง คัปปาโดเกีย – พิพิธภัณฑ์กลางแจ้งเกอเรเม – นครใต้ดิน
เช้า รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม
นำท่าน ชมเมืองคัปปาโดเกีย (Cappadocia) ดินแดนที่มีภูมิประเทศอันน่าอัศจรรย์แปรสภาพเป็นหุบเขา ร่องลึก เนินเขา กรวยหิน และเสารูปทรงต่างๆ ที่งดงาม คัปปาโดเกีย (Cappadocia) เป็นชื่อเก่าแก่ภาษาฮิตไทต์ (ชนเผ่ารุ่นแรกๆที่อาศัยอยู่ในดินแดนแถบนี้) แปลว่า “ดินแดนม้าพันธุ์ดี” ตั้งอยู่ทางตอนกลางของตุรกี เป็นพื้นที่เกิดจากการระเบิดของภูเขาไฟเออซิเยสและภูเขาไฟฮาซาน เมื่อประมาณ 3 ล้านปีที่แล้ว เถ้าลาวาที่พ่นออกมาและเถ้าถ่านจำนวนมหาศาลกระจายทั่วบริเวณ จนทับถมเป็นแผ่นดินชั้นใหม่ขึ้นมา จากนั้นกระแส น้ำ ลม ฝน แดด และหิมะ กัดเซาะกร่อนกินแผ่นดินภูเขาไฟไปเรื่อยๆนับแสนนับล้านปี จนเกิดเป็นภูมิประเทศประหลาดแปลกตาน่าพิศวง ที่เต็มไปด้วยหินรูปแท่ง กรวย ปล่อง กระโจม โดม และอีกสารพัดรูปทรง ดูประหนึ่งดินแดนในเทพนิยายจนผู้คนในพื้นที่เรียกขานกันว่า “ปล่องไฟนางฟ้า” ในปี ค.ศ.1985 ยูเนสโกได้ประกาศให้พื้นที่มหัศจรรย์แห่งนี้เป็นมรดกโลกทางธรรมชาติและวัฒนธรรมแห่งแรกของตุรกี
ได้เวลานำท่านเข้าชม นครใต้ดิน (Underground city of Kaymakli) ซึ่งเป็นเมืองใต้ดินที่มีครบทุกอย่าง ทั้งห้องโถง ห้องนอน ห้องน้ำ ห้องถนอมอาหาร ห้องครัว ห้องอาหาร โบสถ์ ทางหนีฉุกเฉิน ฯลฯ ซึ่งสาเหตุแท้จริงของการสร้างเมืองใต้ดินปัจจุบันยังสรุปไม่ได้ แต่ส่วนใหญ่ลงความเห็นว่าเป็นการสร้างเพื่อใช้เป็นที่หลบภัยจากข้าศึกศัตรู (โดยเฉพาะพวกทหารโรมัน) แม้จะเป็นเมืองขนาดใหญ่ขุดลึกลงไปใต้ดินหลายชั้น แต่ว่าอากาศในนั้นกลับถ่ายเทเย็นสบาย เนื่องจากเป็นหินภูเขาไฟ มีอุณหภูมิเฉลี่ยทั้งปีประมาณ 17-18 องศาเซลเซียส หน้าร้อนอากาศเย็น หน้าหนาวอากาศอบอุ่น
เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
บ่าย นำท่านเดินทางสู่ เมืองเกอเรเม (Goreme) เพื่อเข้าชมพิพิธภัณฑ์กลางแจ้ง ศูนย์กลางของศาสนาคริสต์ในช่วง ค.ศ. 9 เป็นความคิดของชาวคริสต์ที่ต้องการเผยแพร่ศาสนาโดยการขุดถ้ำเป็นจำนวนมากเพื่อสร้างโบสถ์และยังเป็นการป้องกันการรุกรานจากชนเผ่าลัทธิอื่นที่ไม่เห็นด้วยกับศาสนาคริสต์ ก่อนที่ศาสนาคริสต์จะเผยแพร่ในดินแดนคัปปาโดเกีย ผู้คนแถบนี้นับถือเทพเจ้ากรีก-โรมัน จนเมื่อประมาณกลางคริสต์ศตวรรษที่ 1 “เซนต์ปอล” เดินทางมาเผยแผ่ศาสนาคริสต์ในคัปปาโดเกีย แต่ดูเหมือนว่าชาวโรมันผู้ปกครองในยุคนั้นจะไม่ให้การยอมรับ ทำให้ผู้นับถือศาสนาคริสต์ในคัปปาโดเกียต้องหลบซ่อนจากการถูกรังควานของโรมัน ด้วยการเจาะถ้ำขุดพื้นดินลงไปเป็นอุโมงค์ เกิดเป็นเมืองใต้ดินขึ้นมา และได้ขุดเจาะบริเวณเกอเรเม่ทำเป็นโบสถ์ถ้ำจำนวนมากกระทั่งในคริสต์ศตวรรษที่ 5-6 ชาวโรมันให้การยอมรับศาสนาคริสต์ สำหรับโบสถ์ถ้ำในเกอเรเม่ ว่ากันว่ามีถึง 365 หลังด้วยกัน (สร้างตามจำนวนวันใน 1 ปี) แต่ว่าปัจจุบันเปิดให้ชมเพียงบางส่วนเท่านั้น อิสระให้ท่านได้ถ่ายรูปเป็นที่ระลึก
ได้เวลานำท่านแวะชมโรงงานทอพรม โรงงานเซรามิค พร้อมจับจ่ายซื้อของฝากตามอัธยาศัย
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
นำท่านเข้าสู่โรงแรมที่พัก SUHAN HOTEL***** หรือเทียบเท่า (พักค้างคืนที่ 2)
วันที่สาม คอนย่า – คาราวานสไลน์ – พิพิธภัณฑ์เมฟลานา – ปามุคคาเล่
(ในวันนี้ท่านสามารถเลือกซื้อ Optional Hot Air Balloon Tour ได้ สนนราคาประมาณ 200 USD ต่อท่าน โดยทางบริษัทตัวแทนผู้ให้บริการทัวร์บอลลูนในตุรกีมีประกันภัยให้กับทุกท่าน แต่สำหรับประกันภัยที่ทำจากเมืองไทย ไม่ครอบคลุมการขึ้นบอลลูน และ เครื่องร่อนทุกประเภท ดังนั้นการเลือกซื้อ Optional tour ขึ้นกับดุลยพินิจของท่าน)
เช้า รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม
นำท่านเดินทางสู่เมือง คอนย่า (Konya) (ระยะทาง 213 กม. ใช้เวลาเดินทาง 3 ชม.) ซึ่งเคยเป็นเมืองหลวงของอาณาจักรเซลจูคในช่วงปี ค.ศ. 1071 – 1308 รวมทั้งยังเป็นศูนย์กลางที่สำคัญของภูมิภาคแถบนี้อีกด้วย ท่านจะได้เพลิดเพลินกับทัศนียภาพที่งดงามตามธรรมชาติตลอดสองฝั่งทาง ของภูมิภาคตอนกลางของประเทศตุรกี
ระหว่างทางนำท่านชม “คาราวานสไลน์” ที่พักแรมและที่แลกเปลี่ยนสินค้าระหว่างทางของชาวเติร์กในสมัยออตโตมัน
เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
บ่าย นำท่าน เข้าชมพิพิธภัณฑ์เมฟลานา (Mevlana museum) หรือสำนักลมวน ซึ่งก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 1231 โดย เมฟลานา เจลาเลดดิน รูบี ซึ่งเชื่อกันว่าชายคนนี้เป็นผู้วิเศษของศาสนาอิสลาม หรือเรียกได้ว่าเป็นผู้ชักชวนคนที่นับถือศาสนาคริสต์ให้เปลี่ยนมานับถือศาสนาอิสลาม พิพิธภัณฑ์เมฟลานา เดิมเป็นสถานที่นักบวชในศาสนาอิสลามทำสมาธิ (Whirling Dervishes) โดยการเดินหมุนเป็นวงกลมขณะฟังเสียงขลุ่ย ส่วนหนึ่งของพิพิธภัณฑ์เป็นสุสานของเมฟานา เจลาเลดดิน ภายนอกเป็นหอทรงกระบอกปลายแหลมสีเขียวสดใส ภายในตกแต่งประดับประดาฝาผนังแบบมุสลิม และยังเป็นสุสานสำหรับผู้ติดตาม สานุศิษย์ บิดาและบุตรของเมฟลานา
นำท่านออกเดินทางสู่เมือง ปามุคคาเล่ (Pamukkale) (ระยะทาง 306 กม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 4 ชม.) คำว่า “ปามุกคาเล่” ในภาษาตุรกี หมายถึง “ปราสาทปุยฝ้าย” Pamuk หมายถึง ปุยฝ้าย และ Kale หมายถึง ปราสาท เป็นน้ำตกหินปูนสีขาวที่เกิดขึ้นจากธารน้ำใต้ดินที่มีอุณหภูมิประมาณ 35 องศาเซลเซียส ซึ่งเป็นที่มีแร่หินปูน (แคลเซียมออกไซด์) ผสมอยู่ในปริมาณที่สูงมาก ไหลรินลงมาจากภูเขา “คาลดากึ” ที่ตั้งอยู่ห่างออกไปทางทิศเหนือ รินเอ่อล้นขึ้นมาเหนือผิวดิน และทำปฏิกิริยาจับตัวแข็งเกาะกันเป็นริ้ว เป็นแอ่ง เป็นชั้น ลดหลั่นกันไปตามภูมิประเทศ เกิดเป็นประติมากรรมธรรมชาติ อันสวยงามแปลกตาและโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ยากจะหาที่ใดเหมือน จนทำให้ ปามุกคาเล่และเมืองเฮียราโพลิส ได้รับการยกย่องจากองค์การยูเนสโกให้เป็นมรดกโลกทางธรรมชาติและวัฒนธรรมในปี ค.ศ. 1988
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำในโรงแรมที่พัก
นำท่านเข้าสู่โรงแรมที่พัก PAM THERMAL HOTEL***** หรือเทียบเท่า
โรงแรมมีบริการสระว่ายน้ำซึ่งเป็นน้ำแร่ธรรมชาติ หากท่านใดต้องการแช่น้ำแร่ ให้เตรียมชุดว่ายน้ำ และหมวกว่ายน้ำ ไปด้วย
วันที่สี่ ปามุคคาเล่ – ปราสาทปุยฝ้าย – เมืองโบราณเฮียราโพลิส – คูซาดาซึ
เช้า รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม
นำท่านเข้าชม ปราสาทปุยฝ้าย (ปามุคคาเล่) เมืองแห่งน้ำพุเกลือแร่ร้อน นำท่านชมหน้าผาที่ขาวกว้างใหญ่ด้านข้างของอ่างน้ำ เป็นรูปร่างคล้ายหอยแครงและน้ำตกแช่แข็ง ถ้ามองดูจะดูเหมือนสร้างจากหิมะ เมฆหรือปุยฝ้าย น้ำแร่ที่ไหลลงมาแต่ละชั้นจะแข็งเป็นหินปูน ห้อยย้อยเป็นรูปร่างต่างๆอย่างมหัศจรรย์ น้ำแร่นี้มีอุณหภูมิประมาณ 33-35.5 องศาเซลเซียส ประชาชนจึงนิยมไปอาบหรือนำมาดื่ม เพราะเชื่อว่ามีคุณสมบัติในการรักษาโรคหัวใจ โรคไขข้ออักเสบ ความดันโลหิตสูง โรคทางเดินปัสสาวะ และโรคไต ในอดีตกาลชาวโรมันเชื่อว่าน้ำพุร้อนสามารถรักษาโรคได้ จึงได้สร้างเมืองเฮียราโพลิสล้อมรอบ
เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
บ่าย นำท่านเดินทางสู่ เมืองคูซาดาซึ (Kusadasi) (ระยะทาง 184 กม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชม.) คูซาดาซึ แปลว่า “เกาะนก” ตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของตุรกี ติดกับชายฝั่งทะเลอีเจี้ยน เป็นท่าเรือสำคัญ เรือที่ล่องทะเลอีเจี้ยนจอดที่คูซาดาซึเพื่อให้นักท่องเที่ยวไปเที่ยวเมืองเอฟฟิซุส นอกจากนี้ ยังเป็นเมืองตากอากาศและเล่นกีฬาทางน้ำที่นิยมแพร่หลาย อิสระให้ท่านได้พักผ่อนภายในโรงแรม หรือ จะเลือกเดินเล่นริมทะเลอีเจี้ยน ตามอัธยาศัย หรือจะเลือกทำกิจกรรมต่างๆที่โรงแรมจัดให้สำหรับนักท่องเที่ยว
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำในโรงแรมที่พัก
นำท่านเข้าสู่โรงแรมที่พัก GRAND BERLISH HOTEL ***** หรือเทียบเท่า
วันที่ห้า อิชเมียร์ – บ้านของพระแม่มารี – เมืองโบราณเอฟฟิซุส
เช้า รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม
นำท่านเดินทางสู่ เมืองเอฟฟิซุส (City of Ephesus) ซึ่งเป็นเมืองอาณาจักรโรมัน (ต่อมาหลังจากยุคกรีก) ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในทวีปเอเชียในสมัยนั้น ในอดีตเอฟฟิซุสเป็นเมืองใหญ่ที่สุดของโรมันในคาบสมุทรอนาโตเลีย เป็นศูนย์กลางการค้า การคมนาคม ตั้งอยู่ริมทะเล จนได้รับการกำหนดให้เป็นเมืองหลวงแห่งเอเชียของอาณาจักรโรมัน เมืองเอฟฟิซุสมีประวัติศาสตร์ยาวนานตั้งแต่ยุคกรีกโบราณ ซากเมืองที่เห็นในปัจจุบันมีความสมบูรณ์มากที่สุดแห่งหนึ่งในโลก อาจจะเป็นรองแค่ปอมเปอีเท่านั้น
นำท่านเข้าชม ห้องอาบน้ำแบบโรมันโบราณ (Roman Bath) ที่ยังคงเหลือร่องรอยของห้องอบไอน้ำให้เห็นอยู่จนถึงทุกวันนี้
นำท่านชม วิหารแห่งจักรพรรดิเฮเดรียน (Temple of Hadrian) ซึ่งเป็นจักรพรรดิที่ยิ่งใหญ่อีกองค์หนึ่งของโรมัน ความโดดเด่นของวิหารแห่งนี้คืออยู่ในสภาพที่สมบูรณ์มาก ด้านหน้าสร้างเป็นเสา โครินเธียน 4 ต้น คู่กลางรองรับโค้งครึ่งวงกลมที่เรียงอย่างสวยงาม โค้งด้านหลังมีภาพแกะสลักเป็นรูปนางเมดูซ่า หัวเป็นงู นำชมอาคารที่โดดเด่นที่สุดจนเป็นสัญลักษณ์ของเอฟฟิซุสคือ หอสมุดเซลซุส (Library of Celsus) เป็นอาคารสองชั้น ด้านหน้าหันหน้าไปทางทิศตะวันออกเพื่อรับแสงสว่างยามเช้า ห้องสมุดนี้สร้างขึ้นในราวปี ค.ศ. 114 โดย ทิเบเรียส จูเลียส อกีลา (Julius Aquila) เพื่ออุทิศให้เป็นอนุสรณ์แด่พ่อของท่านซึ่งเป็นนายกเทศมนตรีของโรมันที่ปกครองแคว้นเอเชียไมเนอร์ ด้านหน้ามีรูปปั้นของเทพี 4 องค์ ได้แก่ Sophia (เทพีแห่งปัญญา), Arete (เทพีแห่งความ), Ennoia (เทพีแห่งความคิด), Episteme (เทพีแห่งความรู้)
จากนั้นนำท่านเข้าชมสิ่งก่อสร้างที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในเอฟฟิซุสคือ โรงละคร (Great Theatre) ซึ่งสร้างโดยการสกัดไหล่เขาให้เป็นที่นั่ง สามารถบรรจุคนได้ถึง 25,000 คน คิดเป็น 1 ใน 10 ของประชากรในยุคนั้น เดิมสร้างตั้งแต่สมัยกรีกโบราณ โรมันมาปรับปรุงซ่อมแซมให้ยิ่งใหญ่มากขึ้น
ได้เวลานำท่าน ช้อปปิ้ง ณ ศูนย์ผลิตเสื้อหนังคุณภาพสูง ซึ่งผลิตเสื้อหนังส่งให้กับแบรนด์ดังในอิตาลี อิสระให้ท่านเลือกซื้อสินค้าตามอัธยาศัย
เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
บ่าย นำท่านเดินทางสู่ บ้านพระแม่มารี (House of Virgin Mary) ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นที่สุดท้ายที่พระแม่มารีมาอาศัยอยู่และสิ้นพระชนม์ในบ้านหลังนี้ ถูกค้นพบอย่างปาฏิหารย์ โดยแม่ชีตาบอด ชาวเยอรมันชื่อ แอนนา แคเทอรีน เอมเมอริช (Anna Catherine Emmerich, ค.ศ. 1774-1824) ได้เขียนบรรยายสถานที่ไว้ในหนังสืออย่างละเอียดราวกับเห็นด้วยตาตนเอง เมื่อเธอเสียชีวิตลง มีคนพยายามสืบเสาะค้นหาบ้านหลังนี้ จนพบในปี ค.ศ. 1891 ปัจจุบันบ้านพระแม่มารีได้รับการบูรณะเป็นบ้านอิฐชั้นเดียว ภายในมีรูปปั้นของพระแม่มารี ซึ่ง พระสันตปาปา โป๊ป เบเนดิกส์ที่ 16 ได้เคยเสด็จเยือนที่นี่ บริเวณด้านนอกของบ้าน มีก๊อกน้ำสามก๊อกที่เชื่อว่าเป็นก๊อกน้ำที่มีความศักดิ์สิทธิ์ แทนความเชื่อในเรื่อง สุขภาพ ความร่ำรวย และความรัก ถัดจากก๊อกน้ำเป็น กำแพงอธิษฐาน ซึ่งมีความเชื่อว่าหากต้องการให้สิ่งที่ปรารถนาเป็นความจริงให้เขียนลงในผ้าฝ้ายแล้วนำไปผูกไว้แล้วอธิษฐาน
17.00 น. นำท่านเดินทางสู่ สนามบินอิชเมียร์ (Izmir) เพื่อเตรียมตัวขึ้นเที่ยวบินในประเทศสู่อิสตันบูล
19.00 น. ออกเดินทางสู่เมืองอิสตันบูล โดยเที่ยวบิน TK 2333
20.05 น. เดินทางถึงสนามบินเมืองอิสตันบูล
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารไทย
นำท่านเข้าสู่โรงแรมที่พัก RAMADA PLAZA TEKSTILKENT HOTEL***** หรือเทียบเท่า
วันที่หก พระราชวังทอปกาปึ – สุเหร่าสีน้ำเงิน – โบสถ์เซนต์โซเฟีย – อ่างเก็บน้ำใต้ดิน
เช้า รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม
นำท่านชมสนามแข่งม้าของชาวโรมัน หรือ “ฮิปโปโดรม” (Hippodrome) หรือจัตุรัสสุลต่านอาห์เมต สร้างขึ้นในสมัยจักรพรรดิ เซปติมิอุส เซเวรุส เพื่อใช้เป็นที่จัดแสดงกิจกรรมต่างๆของชาวเมือง ต่อมาในสมัยของจักรพรรดิคอนสแตนติน ฮิปโปโดมได้รับการขยายให้กว้างขึ้น ตรงกลางเป็นที่ตั้งแสดงประติมากรรมต่างๆ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นศิลปะในยุคกรีกโบราณ ในสมัยออตโตมันสถานที่แห่งนี้ใช้เป็นที่จัดงานพิธี แต่ในปัจจุบันเหลือเพียงพื้นที่ลานด้านหน้ามัสยิสสุลต่านอะห์เมตซึ่งเป็นที่ตั้งของเสาโอเบลิกส์ 3 ต้นคือ เสาที่สร้างในอียิปต์ เพื่อถวายแก่ฟาโรห์ตุตโมซิสที่ 3 ถูกนำกลับมาไว้ที่อิสตันบูล เสาต้นที่สองคือ เสางู และเสาต้นที่สามคือ เสาคอนสแตนตินที่ 7
จากนั้นนำท่านเข้าชม สุเหร่าสีน้ำเงิน (Blue Mosque) ซึ่งสร้างขึ้นในสมัยสุลต่านอะห์เมตที่ 1 ซึ่งมีพระประสงค์ที่จะสร้างมัสยิดของจักรวรรดิออตโตมันให้มีความงดงามและยิ่งใหญ่กว่า โบสถ์เซนต์โซเฟีย (St. Sophia) ของจักรวรรดิ ไบแซนไทน์ให้ได้ โดยสุเหร่าแห่งนี้สร้างประจันหน้ากับโบสถ์เซนต์โซเฟีย อย่างไรก็ตาม โบสถ์เซนต์โซเฟีย ก็ยังคงเป็นโบสถ์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในตุรกีจวบจนปัจจุบัน
นำท่านเข้าชม โบสถ์เซนต์โซเฟีย (ST. Sophia) ซึ่งเป็นศิลปะแบบไบเซนไทม์ ได้รับการยกย่องให้เป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคโบราณ สร้างขึ้นสมัยจักรพรรดิคอนสแตนติน ของจักรวรรดิไบแซนไทน์ เดิมใช้เป็นโบสถ์คริสต์ แต่หลังจากจักรวรรดิออตโตมันเข้ามาปกครองจึงได้เปลี่ยนโบสถ์ดังกล่าวมาเป็นมัสยิส แต่ได้เปลี่ยนเป็นพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติในสมัย เคมาล อะตาเตริ์ก หลังจากที่เป็นโบสถ์ในศาสนาคริสต์เป็นเวลากว่า 916 ปี และเป็นมัสยิสของศาสนาอิสลามอีกกว่า 447 ปี ปัจจุบันเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมความงามและความยิ่งใหญ่ ภายในมีภาพประดับโมเสกทองที่สมบูรณ์บ่งบอกถึงความศรัทธาอันแรงกล้าของจักรพรรดิคอนสแตนตินที่มีต่อคริสต์ศาสนา
จากนั้นนำท่านชมความยิ่งใหญ่ของสิ่งก่อสร้างของชาวโรมันในอดีต อ่างเก็บน้ำใต้ดินเยเร
บาตัน (Underground Cistern) ซึ่งเป็นอุโมงค์เก็บน้ำที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในอิสตันบูล สามารถเก็บน้ำได้มากถึง 88,000 ลูกบาศก์เมตร สร้างขึ้นตั้งแต่คริสต์ศวรรษที่ 6 ภายในอุโมงค์ มีเสากรีกต้นสูงใหญ่ค้ำเรียงรายเป็นแถวถึง 336 ต้น และมีเสาต้นที่เด่นมากคือ เสาเมดูซ่า อิสระให้ท่านถ่ายรูปและชมความงามใต้ดินของอุโมงค์เก็บน้ำขนาดใหญ่
เที่ยง รับประทานอาหารเที่ยง ณ ภัตตาคารแบบเอเชีย
บ่าย นำท่าน เข้าชมพระราชวังทอปกาปึ (Topkapi Palace) ซึ่งสร้างขึ้นในสมัยสุลต่านเมห์เมตที่ 2 หรือ เมห์เมตผู้พิชิต ภายหลังที่ทรงตีกรุงคอนสแตนติโนเบิลหรืออิสตันบูลในปัจจุบันได้แล้ว ทรงมีพระราชประสงค์ที่จะให้เมืองนี้เป็นศูนย์กลางของอาณาจักรออตโตมัน จึงโปรดให้มีการสร้างพระราชวังนี้ขึ้นเป็นที่ประทับอย่างถาวร พระราชวังทอปกาปึนี้มีอาณาบริเวณกว้างใหญ่กินเนื้อที่เกือบ 700,000 ตารางเมตร ล้อมรอบด้วยกำแพงสูงตามแนวฝั่งทะเลมาร์มารา ภายในพระราชวังประกอบด้วยตำหนักน้อยใหญ่ พลับพลา พระคลังมหาสมบัติ มัสยิส หอพัก โรงเรียน ฯลฯ ปัจจุบันพระราชวังทอปกาปึกลายเป็นพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติที่ใช้เก็บมหาสมบัติอันล้ำค่าอาทิ เช่น เพชร 96 กะรัต กริชทองประดับมรกต เครื่องลายครามจากจีน หยก มรกต ทับทิม และเครื่องทรงของสุลต่านในแต่ละยุคสมัย
ได้เวลานำท่านสู่ย่านการค้าชื่อดัง “แกรนด์บาร์ซาร์” ซึ่งเป็นตลาดเก่าแก่ที่สร้างในสมัยกลาง ค.ศ. 15 เป็นตลาดค้าพรมและทองที่ใหญ่ที่สุดของตุรกี มีร้านค้ากว่า 4,000 ร้าน ให้ท่านได้เพลิดเพลินกับการเลือกซื้อสินค้าที่มีชื่อเสียงของตุรกีอย่างจุใจ เช่น โคมไฟ, ของฝาก, ผ้าพันคอ, ฯลฯ
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารท้องถิ่น พร้อมชมการแสดงระบำหน้าท้องอันเลื่องชื่อ Belly Dance
นำท่านเข้าสู่โรงแรมที่พัก RAMADA PLAZA TEKSTILKENT HOTEL***** หรือเทียบเท่า
วันที่เจ็ด อิสตันบูล – พระราชวังโดลมาบาชเช่ – ล่องเรือชมช่องแคบบอสฟอรัส – นั่งกระเช้าขึ้นเขาเปียลอททึ
เช้า รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม
นำท่าน เข้าชมพระราชวังโดลมาบาชเช่ (Dolmabahce Palace) พระราชวังที่สะท้อนให้เห็นถึงความเจริญอย่างสูงสุดทั้งทางวัฒนธรรมและทางวัตถุของจักรวรรดิออตโตมัน ซึ่งได้แผ่ขยายอำนาจออกไปอย่างกว้างขวาง พระราชวังแห่งนี้สร้างโดย สุลต่าน อับดุล เมอซิท ในปี ค.ศ. 1843 ใช้เวลาก่อสร้างทั้งสิ้น 12 ปี เพราะความที่สุลต่านทรงเป็นผู้คลั่งไคล้ยุโรปอย่างสุดขอบ ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นศิลปะ วัฒนธรรม การดำรงชีวิต ตลอดจนการทหาร ล้วนคัดลอกมาจากตะวันตกทั้งสิ้น พระราชวังแห่งนี้ออกแบบโดยสถาปนิกคู่ใจชาวอาเมเนี่ยน ชื่อ บัลยัน เป็นศิลปะผสมผสานของยุโรปและตะวันออกที่ได้รับการตกแต่งอย่างสวยงาม ภายนอกพระราชวังประดับตกแต่งด้วยสวนไม้ดอกรายล้อมพระราชวังซึ่งอยู่เหนืออ่าวเล็กๆของช่องแคบบอสฟอรัส ภายในประกอบด้วยห้องต่างๆ ตกแต่งด้วยโคมระย้า บันไดลูกกรง แก้วเจียระไน และ โคมไฟมหึมาหนัก 4.5 ตัน ซึ่งแขวนไว้อย่างโดดเด่นในห้องท้องพระโรงใหญ่
เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
บ่าย นำท่านล่องเรือชมช่องแคบบอสฟอรัส ซึ่งเป็นช่องแคบที่เชื่อมทะเลดำ (The Black sea) เข้ากับทะเลมาร์มาร่า (Sea of Marmara) ความยาวทั้งสิ้นประมาณ 32 กิโลเมตร ความกว้างตั้งแต่ 500 เมตรจนถึง 3 กิโลเมตร ถือว่าสุดขอบของทวีปยุโรปและสุดขอบของทวีปเอเชียมาพบกันที่นี่ นอกจากความสวยงามแล้ว ช่องแคบบอสฟอรัสยังเป็นจุดยุทธศาสตร์ที่สำคัญยิ่งในการป้องกันประเทศตุรกีอีกด้วย เพราะมีป้อมปืนตั้งเรียงรายอยู่ตามช่องแคบเหล่านี้ ว่ากันว่าจนกระทั่งถึงยุคของการนำเอาเรือปืนใหญ่มาใช้ และไม่เคยปรากฏว่ากรุงอิสตันบูลถูกถล่มจนเสียหายอย่างหนักมาก่อนเลย ทั้งนี้เป็นเพราะป้อมปืนดังกล่าวนี้เอง ปี ค.ศ. 1973 มีการเปิดใช้สะพานบอสฟอรัสซึ่งทำให้เกิดการเดินทางไปมาระหว่างฝั่งเอเชียและยุโรปสะดวกมากขึ้น ขณะที่ล่องเรือท่านจะได้เพลิดเพลินกับทิวทัศน์ข้างทางไม่ว่าจะเป็น พระราชวังโดลมาบาชเช่ หรือ บ้านเรือนสไตล์ยุโรปของบรรดาเศรษฐี
ซึ่งล้วนแล้วแต่สวยงามตระการตาทั้งสิ้น ได้เวลานำท่านเดินทางสู่ โกลเด้นฮอร์น (Golden Horn) หรือแหลมที่ยื่นสู่ทะเลมาร์มาร่าทางฝั่งตะวันตกของอิสตันบูล ในอดีตเคยเป็นหนึ่งในสมรภูมิพิชัยการรบและเป็นที่ตั้งของศูนย์บัญชาการรบของกองทัพเรือแห่งจักรวรรดิไบเซนไทน์
นำท่านนั่งกระเช้า (Cable Car) ขึ้นสู่ยอดเขาเปียลอททึ (Pierre Lit Hill) ยอดเขาซึ่งสามารถเห็นวิวของโกลเด้นฮอร์นและทัศนียภาพของนครอิสตันบูลได้อย่างชัดเจน ชื่อของเขาเปียลอททึถูกตั้งขึ้นเพื่อให้เกียรติแก่ “จูเลี่ยน วูด” (Julien Viaud) นักประพันธ์ชื่อดังชาวฝรั่งเศสซึ่งมีชื่อเสียงในตุรกีเป็นอย่างมากในช่วงศตวรรษที่ 19 หรือที่รู้จักในนามปากกา “เปีย ลอททึ” (Pierre Loti) อิสระให้ท่านชมทัศนีภาพอันสวยงามบนยอดเขาเปียลอททึตามอัธยาศัย ท่านสามารถนั่งจิบกาแฟตุรกี (Turkish Cofee) ที่มีชื่อเสียงหรือชาหลากหลายชนิดในร้านคาเฟ่ ซึ่งเปิดให้บริการแก่นักท่องเที่ยวบนยอดเขาแห่งนี้
ได้เวลานำท่านเดินทางกลับลงสู่ตัวเมืองอิสตันบูล จากนั้นนำท่านสู่ ตลาดสไปซ์ มาร์เกต (Spice Market) หรือตลาดเครื่องเทศ ท่านสามารถเลือกซื้อของฝากได้ในราคาย่อมเยา ไม่ว่าจะเป็นเครื่องประดับ ชาหรือกาแฟ รวมถึงผลไม้อบแห้งอันเลื่องชื่อของตุรกี แอปปลิคอทหรือจะเป็นถั่วพิทาชิโอ ซึ่งมีให้เลือกซื้อมากมาย
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารแบบเอเชีย
21.00 น. นำท่านเดินทางสู่สนามบินเมืองอิสตันบูล
วันที่แปด กรุงเทพฯ
00.55 น. ออกเดินทางสู่ประเทศไทย โดยเที่ยวบินที่ TK 68 (ใช้เวลาบินประมาณ 9 ชั่วโมง)
สายการบินฯ มีบริการอาหารค่ำและอาหารเช้าระหว่างเที่ยวบิน
14.15 น. เดินทางถึงสนามบินสุวรรณภูมิ กรุงเทพฯ โดยสวัสดิภาพ (BON VOYAGE)
กำหนดการเดินทางทัวร์ตุรกี 5 ดาว 10-17 พ.ค., 29 พ.ค. – 5 มิ.ย., 10-17 ก.ค., 7-14 ส.ค. 2557 ทัวร์คัปปาโดเกีย ทัวร์อิสตันบูล สายการบินเตอร์กิช แอร์ไลน์ส TK
ราคาทัวร์ตุรกี 5 ดาว 10-17 พ.ค., 29 พ.ค. – 5 มิ.ย., 10-17 ก.ค., 7-14 ส.ค. 2557 ทัวร์คัปปาโดเกีย ทัวร์อิสตันบูล สายการบินเตอร์กิช แอร์ไลน์ส TK อัตราค่าบริการ (บาท)
**ราคาอาจมีการปรับขึ้น – ลง ตามราคาน้ำมันที่ปรับขึ้นลง แต่จะปรับตามความเป็นจริงที่สายการบินประกาศปรับ และที่มีเอกสารยืนยันเท่านั้น (คิด ณ วันที่ 28 มีนาคม 2557) **
ข้อแนะนำทัวร์ตุรกี 5 ดาว 10-17 พ.ค., 29 พ.ค. – 5 มิ.ย., 10-17 ก.ค., 7-14 ส.ค. 2557 ทัวร์คัปปาโดเกีย ทัวร์อิสตันบูล สายการบินเตอร์กิช แอร์ไลน์ส TK
ราคาทัวร์ตุรกี 5 ดาว 10-17 พ.ค., 29 พ.ค. – 5 มิ.ย., 10-17 ก.ค., 7-14 ส.ค. 2557 ทัวร์คัปปาโดเกีย ทัวร์อิสตันบูล สายการบินเตอร์กิช แอร์ไลน์ส TK โปรแกรมท่องเที่ยวตุรกี (ตามที่ระบุไว้ในรายการ) อัตรานี้รวมถึง
ราคาทัวร์ตุรกี 5 ดาว 10-17 พ.ค., 29 พ.ค. – 5 มิ.ย., 10-17 ก.ค., 7-14 ส.ค. 2557 ทัวร์คัปปาโดเกีย ทัวร์อิสตันบูล สายการบินเตอร์กิช แอร์ไลน์ส TK อัตรานี้ไม่รวมถึง
หมายเหตุทัวร์ตุรกี 5 ดาว 10-17 พ.ค., 29 พ.ค. – 5 มิ.ย., 10-17 ก.ค., 7-14 ส.ค. 2557 ทัวร์คัปปาโดเกีย ทัวร์อิสตันบูล สายการบินเตอร์กิช แอร์ไลน์ส TK :
LOFT-EUR59_Autumn Croatia world heritage site 8 Days 5 Nights (OS) นำชมเมืองเก่าดูบรอฟนิก (Grad) โดยเริ่มต้นจากประตูหลัก (Pile Gate),…
LOFT-EUR32_Autumn Best of Germany 11D8N (TG) ชมมหาวิหารโคโลญจน์ ชาวเยอรมันเรียกว่า DOM วิหารแห่งนี้ใหญ่และสูงเป็นอันดับ 3 ของโลก สร้างด้วยสถาปัตยกรรมแบบโกธิค สถาปัตยกรรมโบราณในยุคกลาง งานศิลปะ…
LOFT-EUR33_Autumn_Grand Eastern Europe 10 Days 7 Nights (TG) ชมปราสาทแห่งกรุงปร๊าก สถาปัตยกรรมโบราณสมัย ค.ศ. 11 แบบ กอธิค เคยได้รับการรับรองจากกินเนสส์บุ๊ก…
LOFT-EUR35A_Autumn Great Britain 10D7N (TG) เที่ยวชมเมืองเอดินเบอระ แคลตันฮิลล์ บนเนินเขาแห่งนี้ยังเป็นที่ตั้งของอนุสรณ์สถานรำลึกถึงสงครามนโปเลียน สถาปัตยกรรมที่คล้ายคลึงมหาวิหารแพนธีออน ในประเทศกรีซ ทำให้ เอดินเบอระได้รับการขนานนามว่า “เอเธนส์แห่งทิศเหนือ” ถนนรอยัลไมล์ ถนนสายสำคัญ…
LOFT-EUR71A_Autumn Norway Lofoten northern light 11D8N (TG) นำคณะออกจากที่พักเพื่อไปชมปรากฏการณ์แสงเหนือ บริเวณใกล้ทะเลสาบ Tornetrask และอุทยานแห่งชาติอบิสโก ที่นี่ยังเป็นที่ตั้งของศูนย์ศึกษาปรากฏการณ์แสงเหนือ เป็นจุดที่มีโอกาสในการเห็นแสงเหนือบนท้องฟ้าในยามค่ำคืน Lonely Planet…
LOFT-EUR28B_Autumn Beautiful North Italy 8D5N เดินทางสู่ โดโลไมท์ (Dolomites Mountains) ชมความงดงามของอิตาเลียนแอลป์ เทือกเขาโดโลไมท์ ได้ชื่อว่าเป็นแนวเขาที่งดงามที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ในช่วงฤดูหนาวสกีรีสอร์ทเปิดต้อนรับนักสกี และในฤดูร้อน ที่นี่ยังมีทุ่งหญ้าที่มีดอกไม้สวยตลอดช่วงเทือกเขา…